ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวผู้ชุมนุม ขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากเห็นว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเรียกร้องให้เปิดเผยสถานที่ที่จับกุมแกนนำไว้
นอกจากนี้ยังเตือนผู้มีอำนาจในประเทศนี้ ว่าประวัติศาสตร์เลือดเดือนตุลาคม ได้พิสูจน์แล้วว่าการใช้กำลังปราบปราม ปิดปากประชาชน ไม่ช่วยให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ แต่จะยิ่งสร้างความขัดแย้งและแตกแยก การกระทำของผู้มีอำนาจในวันนี้ กำลังผลักประเทศไทยให้เดินทางไปสู่จุดแตกหักอย่างมิอาจหวนคืนได้อีก
ซึ่งคณะก้าวหน้าขอยืนหยัดเคียงข้างประชาชนผู้ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ เราจะติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมทุกคนอย่างถึงที่สุด
อ่านแถลงการฉบับเต็ม
แถลงการณ์คณะก้าวหน้า: รัฐบาลต้องปล่อยตัวผู้ชุมนุม ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที หยุดก้าวล่วงประชาชน
สืบเนื่องจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ตามด้วยการเข้าสลายการชุมนุมของคณะราษฎร 2563 ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล จับตัวแกนนำและผู้ชุมนุมจำนวนมากในช่วง 4 นาฬิกาเศษที่ผ่านมา
.
คณะก้าวหน้าขอยืนยันว่า การชุมนุมตลอดวันที่ 14 ตุลาคม เป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) แกนนำและผู้ชุมนุมพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา พวกเขาแสดงออกอย่างสันติ สงบ เรียกร้องในสิ่งที่ประเทศประชาธิปไตยพึงมี
.
นอกจากนี้ แกนนำยังพยายามลดความตึงเครียด โดยยอมประกาศพักการชุมนุมไปแล้ว และจะให้มวลชนแยกย้ายกลับบ้านในเวลา 6 นาฬิกาของวันนี้ โดยสถานการณ์การชุมนุมได้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยตลอดคืน
.
การชุมนุมที่เกิดขึ้น ไม่เข้าเหตุให้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่มีความชอบธรรมและความจำเป็นใดๆเลย ที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และนำกำลังเข้าสลายการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกาล ซึ่งส่อเจตนาปกปิด ไม่สุจริตใจ ทำให้การใช้กำลังเข้าจัดการกับผู้ชุมนุมตรวจสอบได้ยาก ขัดต่อหลักการสากล
.
นอกจากนี้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่เกินขอบเขตกฎหมายปกติอย่างมาก เช่นการตรวจสอบและยับยั้งการใช้เครื่องมือสื่อสาร การควบคุมตัวประชาชนได้ 7 วันโดยไม่ต้องมีหมายศาล รวมถึงสั่งห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งล้วนละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
.
คณะก้าวหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมด โดยในระหว่างนี้ต้องให้ความเคารพต่อสิทธิของผู้ถูกจับกุม เปิดเผยสถานที่ที่แกนนำและผู้ชุมนุมถูกควบคุมตัวทั้งหมด ให้สิทธิในการติดต่อกับทนายและญาติ
.
รัฐบาลต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ซึ่งไม่มีความจำเป็นใดๆ นอกจากเอื้อให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจล้นเกินในการจัดการผู้ชุมนุม และเร่งหาวิธีการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของประชาชนโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นสถานการณ์จะมีแต่ลุกลามบานปลาย ขยายวงการชุมนุมออกไปทั่วประเทศ
.
และที่สำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลต้องจัดการระงับขบวนการเผยแพร่ข่าวปลอมเพื่อด้อยค่า แพร่มลทินให้กับผู้ชุมนุมโดยด่วน รวมถึงดูแลไม่ให้เกิดการระดมมวลชนมาปะทะกัน ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขปูทางไปสู่การรัฐประหาร
.
เราขอเตือนผู้มีอำนาจในประเทศนี้ ว่าประวัติศาสตร์เลือดเดือนตุลาคม ได้พิสูจน์แล้วว่าการใช้กำลังปราบปราม ปิดปากประชาชน ไม่ช่วยให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ แต่จะยิ่งสร้างความขัดแย้งและแตกแยก การกระทำของผู้มีอำนาจในวันนี้ กำลังผลักประเทศไทยให้เดินทางไปสู่จุดแตกหักอย่างมิอาจหวนคืนได้อีก
.
คณะก้าวหน้าขอยืนหยัดเคียงข้างประชาชนผู้ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ เราจะติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมทุกคนอย่างถึงที่สุด
.
โปรดอย่าลืมว่าการชุมนุมครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประชาชน สื่อมวลชน และรัฐบาลทั่วโลก ความรุนแรงและการใช้กฎหมายอย่างอยุติธรรมใดๆ ที่เกิดกับผู้ชุมนุม รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องรับผิดชอบ
.
ด้วยความเคารพต่อประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศ
คณะก้าวหน้า