กว่า 5 เดือน ที่ กองทัพ พีค เด็กไทย วัย 18 ปี จากค่ายแชนเดอเลีย มิวสิค เดินทางไปร่วมแข่งขันในรายการเซอร์ไววัลดัง ของเกาหลีใต้ PRODUCE X 101 ร่วมกับเด็กฝึก จากเกาหลีใต้ และนานาประเทศ รวม 101 คน ภาพความสวยงามในเบื้องหน้า รอยยิ้ม และความสดใส ที่ปรากฏในรายการ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยความทรหด การฝึกที่หนัก และอุปสรรคเหนือการควบคุม ที่ กองทัพ พีค ถึงกับเอ่ยปากว่า ไม่คาดคิดว่า จะเจอหนักขนาดนี้
กองทัพ พีค เปิดใจเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ในครั้งนี้ กับ ทีมข่าววอยซ์ออนไลน์ ว่า จากความฝันที่เขาอยากเป็นนักร้อง และในวัยเด็ก ชื่นชอบวง K POP อย่าง วง Super Junior จนกระทั่งได้มีโอกาสติดตามวงไอดอลเกาหลี อย่าง EXO และได้ไปชมคอนเสิร์ต ทำให้เขาได้เปิดโลกอีกใบ จากตอนที่ได้ไปศึกษาดนตรี ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขามี จัสติน บีเบอร์ เป็นแรงบันดาลใจในงานดนตรีจากโลกตะวันตก การที่เขาได้มาติดตามวงไอดอลเกาหลี ทำให้เขาได้เรียนรู้แนวดนตรีใหม่ๆ
“ไปที่นั่น มันเป็นการท้าทายตัวเองด้วยครับ พีคอยากเรียนรู้วัฒนธรรม K POP อยากเรียนรู้ทักษะทุกอย่าง พีค พยายามทำตัว เหมือนกับแก้วเปล่าๆ ที่เปิดรับทุกอย่าง ให้เข้ามาอยู่ที่ตัวเอง และนำมาเลือกใช้ เลยตัดสินใจเดินทางไปที่นั่น”
การเตรียมตัวเดินทางไปเกาหลี
สิ่งแรกที่พีค เตรียมตัว คือ เรื่องภาษา ก่อนเดินทางไป พีค ได้เรียนภาษาไปในระดับหนึ่ง ประมาณ 2 เดือน และซ้อมร้อง ซ้อมเต้น เพลงเกาหลี เพื่อนำไปโชว์ ซึ่งพีค ทำเต็มที่ แต่เรื่องภาษา เป็นสิ่งที่พีค กังวลมาก เพราะภาษาเกาหลีมีหลายระดับ ยากมากเลยครับ
ที่เมืองไทย อากาศแบบร้อนมาก เจอแดดเจอร้อนเต็มไปหมด พอไปอยู่ที่เกาหลี มันเหมือนร่างกายมันช็อต ช็อกเลย เสียงวันนั้น เสียงพีคไม่มีเลยวันนั้น แล้วพีคได้โชว์ก็ดึก แบบตี 2 มันก็เลยแบบ โอโห มันหนักมากเลย เตรียมตัวไป แต่ว่า ร่างกายเราต้องพร้อมตลอดเวลาด้วย เตรียมไปดียังไง แต่ถ้าร่างกายเราไม่พร้อม ก็ออกมาไม่เต็มร้อย
พีค ป่วยเข้าโรงพยาบาล นับครั้งไม่ถ้วน ตอนเต้นเพลงธีมหลังของรายการ เต้นจิมะ พีคเพิ่งชักสายน้ำเกลือออกมาเอง แล้วก็เข้าไปอัดรายการอากาศหนาวมาก คือ เรามีที่พึ่งความอุ่น คือ แสงไฟ สปอตไลท์ แค่นั้น แล้วก็ไม่มีความอุ่นอีกเลย คือมันหนาวจนแบบเข้ากระดูก คือแบบหนาวมาก แล้วพีคแบบป่วยด้วย แล้วคือ ชักสายน้ำเกลือออกมา พอเต้นเสร็จ ไอ้ท่าโพสต์สุดท้าย เต้นเสร็จแล้ว คือเขาไม่ได้ถ่าย คือพีคร่วงลงไปเลย เพื่อนแบบเพื่อนต้องมาช่วงพยุง สตาฟต้องมาช่วยพยุง เพราะไข้วันนั้นพีค 39 กว่า
พีคเคยอยู่อังกฤษ อากาศหนาวสุดแค่ ลบ 1 ลบ 2 แต่ที่เกาหลีมันหนาวมาก ลบ 20 อย่างนี้ครับ มันต่างกันมาก แล้วช่วงนั้นมีฝุ่นด้วย พีค แพ้ฝุ่น สภาพร่างกายก็เลยทรุด
ช่วงแสดงกรุ๊ปแบทเทิ้ล พีค ก็ได้รับบาดเจ็บจากการซ้อมเต้น อันนี้มันเหนือการควบคุมจริงๆ พีคเต้น แล้วมือไปฟาดกับเพื่อนเต็มแรง มือพีคเหมือนจะหัก มันปวดแบบชาๆ สักพักเริ่มกระดิกไม่ได้ ตื่นขึ้นมามือบวมมาก ต้องใช้ผ้าพันเอาไว้ แล้วก็ต้องไปเต้น ทั้งทีมือพันผ้าแบบนั้น แล้วตอนซ้อมก็คิดว่า มันคงจะดีขึ้นทันวันโชว์ แต่ว่ามันกลายแย่กว่าเดิม
การเข้าไปฝึกฝนในรายการ เหมือนค่ายทหารเลยครับ อาหาร ก็ตักกิน ตอนเช้าจะมีคนมาปลุกเปิดไฟ แล้วพูดว่า ชินกูดือ อีรอนาเซโย (ตื่นได้แล้ว) แต่ละวันนอนเฉลี่ยประมาณชั่วโมงเดียวครับ แล้วก็ครึ่งชั่วโมงบ้าง ได้มากสุดก็ 3 ชั่วโมง เนื่องจากต้องซ้อมอย่างหนัก มันเป็นเหมือนรายการเซอร์ไววัล ตามตัวอยู่แล้ว คือ ผู้รอดชีวิต มันแข่งขันด้วยด้วยเรื่อง เวลา รูปแบบที่ยากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เรื่องแบบว่า การทำงานเป็นทีมด้วย ของพีคมันมีเพิ่มมาคือ ภาษา อันนี้มันตัวหนักเลย เรื่อง ภาษา
ส่วนเรื่องสไตล์การร้องการเต้น พีค ก็ต้องปรับตัวเยอะ พีค เรียนเต้นแจ๊ส เต้นแท๊บมา แต่ที่เกาหลีท่าเต้น จะเน้นรายละเอียดเยอะมาก ทุกคนต้องเต้นเหมือนกัน พีค จะโดนครูดุ ในเรื่องรายละเอียดการเต้น แต่เขาชมในเรื่องของ พลังการเต้น ว่าพีคทำได้ดี
ซึ่งต้องบอกว่า พีค ได้เรียนรู้ ได้ใช้ความอดทนจากรายการนี้เยอะมาก พีคก็เตรียมใจไปนะ ว่ามันต้องเหนื่อย แต่ไม่คิดว่าจะเหนื่อยขนาดนี้ (หัวเราะ)
มันมีทุกวัน มันมีอะไรให้กังวล ให้เครียดตลอด ถ้าเรายอมแพ้ ใจเรายอมแพ้มันจบแล้ว ช่วงแรก พีค ว้าเหว่มากเลย เพราะว่าพีค ไม่มีอะไรเลย คือพีคไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกข้างนอกเลย อยู่แต่ในสตูดิโอกับไฟ แล้วก็กล้อง 30 ตัว บางวันก็ 10 ตัว เต้นก็ยังไม่ดีพอ ภาก็คุยกับเขาไม่รู้เรื่อง ตอนนั้น พีคคิดว่า พีคเป็นคนไทย ถ้าพีคยอมแพ้แล้วเลิกทำ เขาจะไม่บอกว่าพีคเลิกทำ พีคยอมแพ้ เขาจะบอกว่าเด็กไทย ถ้าพีค ถอดใจยอมแพ้ ทุกคนก็จะพูดว่า เด็กไทย ยอมแพ้ง่ายมาก มันยาก กับการเป็นชาวต่างชาติในวงการนี้ และรายการนี้ มันยากมาก
สำหรับคนที่มีฝัน ลงมือทำ อดทน ไม่ยอมแพ้
พีค มาถึงวันนี้ได้ เพราะว่า พีคลงมือเริ่มต้นทำทุกวัน พีค ไม่ได้แค่บอกว่า อยากจะฝัน อยากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเราแค่นอนฝัน และอยู่บ้านเฉยๆ มันก็ไม่ได้เดินหน้าต่อ คือ อยากให้ทุกคนเริ่มทำทุกวัน มันอาจจะเล็กน้อย 1 เปอร์เซ็นต์ แต่มันเป็น 1 เปอร์เซ็นต์ทุกวัน มันจะครบร้อยในอีกวันหนึ่ง พีค รู้ว่ามันจะมีเรื่องเข้ามา ทำให้เรารู้สึกอยากยอมแพ้ตลอด แต่พีคอยากให้ทุกคนสู้ต่อไป วันนี้มันไม่ดี รุ่งขึ้นมันต้องดี
หลายคนอาจมองว่า พีค มีเส้นทางในวงการบันเทิงที่เมืองไทยอยู่แล้ว ทำไมถึงยังตัดสินใจไป เป็นไอดอลที่เกาหลี
พีคมีความสุขทุกที่แหละครับ ที่ได้อยู่บนเวที ไปที่นั่นมันเหมือนเป็นการท้าทายพีคอีกขั้นหนึ่ง ถ้าพีคอยู่ที่นี่ พีคก็จะเป็นพีคอยู่ที่นี่เหมือนเดิม แต่ว่าถ้าไปที่นั่น พีคจะพังทลายกำแพงที่มีอยู่นี่ครับ ในเรื่องภาษา ในเรื่องที่พีคแบบว่า ในสิ่งที่พีคไม่เปิดรับต่างๆ พีคก็จะพังทลายมันไป แล้วพีคก็สามารถไปฝึกตัวเองได้ที่นั่น พีคอยากเรียนรู้ พีคอยากเป็นแก้วเปล่าๆ พีคอยากจะเติมทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้ามาได้มากที่สุด ถ้าพีคอยู่ตรงนี้ พีคก็จะอยู่แค่ตรงนี้พอแล้ว แต่ถ้าพีคกล้าที่จะเสี่ยง ทั้งๆที่ พีครู้ว่ามันจะเหนื่อยมาก แล้วทางมัน ไม่รู้ว่าทางมันจะเริ่ดหรูขนาดไหน แต่พีคก็ยังกล้าเสี่ยงจะไป ชีวิตเรามันสั้น ทำไปให้หมด มีอะไรก็ทำให้หมด เพราะว่าเราจะมาเสียใจทีหลัง ทำไมเราไม่ทำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :