ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move ปักหลักชุมนุมหน้า UN วันที่ 2 โดยแถลงท่าทีในช่วงเช้ารอการตอบรับจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าจะรับปากเรียบร้อยชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ P-move ภายในวันที่ 24 มกราคม เพื่อให้ได้ข้อสรุปและนำเข้าที่ประชุม ครม. ได้ทันวันที่ 25 มกราคมนี้หรือไม่ โดยให้เวลาการตอบรับถึง 13:00 น.จะเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล และเมื่อไม่มีการตอบรับจาก พล.อ.ประวิตร จึงเคลื่อนขบวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงแนวรั้วเหล็กไว้ไม่ให้ข้ามสะพานมัฆวานรังสรรค์ 

แกนนำ P- move กล่าวตอนหนึ่งว่าได้รับการประสานจากพลเอกประวิตร โดยจะมารับหนังสือโดยตัวแทนทางเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ แยกพาณิชยการ แต่ระยะทางต้องเดินอ้อมไปทางถนนกรุงเกษม เหมือนวันแรก ซึ่งมีมวลชนเป็นลม และที่ทำการ UN กับทำเนียบรัฐบาลทางฝั่งสะพานมัฆวานรังสรรค์ใกล้กว่า จึงอยากให้พลเอกประวิตร ออกมารับหนังสือด้วยตัวเองในจุดนี้หรือไม่ก็เปิดทางให้ P-move ไปยื่นหนังสือหน้าทำเนียบรัฐบาลโดยใช้เส้นทางถนนราชดำเนินนอก ซึ่งจะตรงไปยังทำเนียบรัฐบาลได้เลย

 เวลา 14.00 น.ไม่มีการตอบรับจากทาง พล.อ.ประวิตร จึงให้มวลชนนั่งลงประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ พร้อมสำหรับการปราศรัยสะท้อนปัญหาและเน้นย้ำข้อเรียกร้อง โดยตัวแทนแต่ละเครือข่าย

เวลา 14.15 น.จำนงค์ หนูพันธ์ ประธาน p-move ประกาศว่าหากพลเอกประวิตร ซึ่งชราภาพมากแล้ว เช่นเดียวกับมวลชนส่วนหนึ่งของ P-move ซึ่งยากลำบากในการเดินทาง ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวจ้อง ทำหนังสือแล้วให้พลเอกประวิตร ลงนามตอบรับข้อเรียกร้องหรือเซ็นรับรองมาว่า รับรู้ข้อเสนอของ P-move แล้ว ก็ได้เช่นกัน

เวลา 14.40 น.ยังไม่มีการตอบรับจากผู้เกี่ยวข้อง ทราบเพียงว่าพลเอกประวิตร ติดภารกิจที่ต่างจังหวัดไม่ได้อยู่ในทำเนียบรัฐบาล จำนงค์ จึงประกาศให้มวลชนขยับประชิดแนวกั้นของตำรวจอีก 1 ก้าว พร้อมประกาศให้มวลชนขยับทีละก้าวในทุกๆ 10 นาที จนกว่าพลเอกประวิตร จะลงนามรับรองข้อเรียกร้อง พร้อมปราศรัยโจมตีการแก้ปัญหาให้ประชาชนที่เดือดร้อนของผู้มีอำนาจ ที่ประวิงเวลามาโดยตลอด พร้อมให้ตัวแทนแต่ละเครือข่ายสลับกันปราศรัยย้ำความต้องการและสะท้อนปัญหาต่อเนื่อง

เวลา 15.00 น.นายจำนงค์ ประกาศว่า วันนี้เราซึ่งหมายถึง P-move ไม่สามารถไปไหนได้เพราะพลเอกประยุทธ์มีอำนาจสั่งการสกัดกั้น จึงจะปักหลักอยู่ที่นี่คือเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อจัดเวทีรอพลเอกประวิตรต่อไป

สำหรับช่วงค่ำเป็นเวทีพูดคุย “พีมูฟทวงสิทธิ สร้างอำนาจกำหนดชีวิตประชาชน” DAY-2 มีการแสดงดนตรีและเสวนา “สร้างความเป็นธรรม ขจัดความเหลื่อมล้ำ ด้วยรัฐสวัสดิการ”ด้วย ส่วนข้อเรียกร้องที่เพิ่มเติมมาจาก 12 เป็น 15 ข้อของ P-move เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของสมาชิกและประชาชนกลุ่มอื่นๆ เป็นไปอย่างครอบคลุมทุกมิติ ประกอบด้วย 

ข้อเรียกร้องที่ 13 สิทธิสถานะบุคคล ให้มีมติคณะรัฐมนตรีสั่งการเร่งรัดแก้ไขปัญหาด้านสิทธิและสถานะบุคคลของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ

(1) เครือข่ายการแก้ไขสัญชาติไทย 4 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา

(2) เครือข่ายลาวอพยพ จังหวัดอุบลราชธานี

(3) เครือข่ายชาวเลอันดามัน จังหวัด พังงา กระบี่ ระนองสตูล ภูเก็ต

(4) เครือข่ายไทลื้อ จังหวัดพะเยา และคนไทยตกหล่นทางทะเบียนราษฎร์

ข้อเรียกร้องที่ 14 ผลักดันให้มีระบบสวัสดิการถ้วนหน้า ตามที่ภาคประชาชนเสนอกฎหมายระบบสวัสดิการถ้วนหน้าและข้อเรียกร้องที่ 15 คือ เร่งรัดแก้ไขปัญหาประชาชนผู้ได้ผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐ กรณีอ่างน้ำห้วยฝั่งแดง จ.อุบลราชธานี, กรณีโครงการแก้มลิงทุ่งทับใน จ.นครศรีธรรมราช, กรณีอ่างเก็บน้ำแม่มอก จ.ลำปาง, กรณีอ่างน้ำห้วยน้ำรี จ.อุตรดิตถ์, กรณีโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่งาว จ.ลำปาง และโครงการผันแม่ยวม จ.แม่ฮ่องสอน