ต่างประเทศ
ผอ.ซีไอเอเผย สงครามยูเครนทำจีนเครียดว่าตนจะบุกไต้หวัน “อย่างไรและเมื่อไหร่”
ในที่ประชุมความปลอดภัยแอสเพน บิลล์ เบิร์นส์ ผู้อำนวยการ CIA ออกมาเปิดเผยว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน อาจจะข้ามการพูดถึงประเด็นไต้หวันออกไป ในการประชุมครั้งสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงปลายปีนี้ หลังจากจีนต้องคิดทบทวนเรื่องการเข้ารุกรานไต้หวันใหม่ สืบเนื่องจากชะตากรรมของรัสเซียที่กำลังประสบอยู่บนเวทีโลก ด้วยเหตุของการรุกรานยูเครนเมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
“ความเสี่ยงของสิ่งนั้นมีเพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนว่าสำหรับเรา ยิ่งในทศวรรษนี้ที่คุณได้รับความเสี่ยงที่มากขึ้น” เบิร์นส์กล่าวพร้อมชี้ว่า “ผมจะไม่ประมาทความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีสี ที่ยืนยันเรื่องการเข้าควบคุมของจีน” ต่อไต้หวันซึ่งเป็นดินแดนที่ปกครองตนเองอยู่มาโดยตลอด
เบิร์นส์กล่าวว่าจีน “อยู่ไม่เป็นสุข” เมื่อตนมองดูสงครามตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ของรัสเซียที่เข้ารุกรานยูเครน ซึ่งเบิร์นส์มองว่าเป็น “ความล้มเหลวเชิงกลยุทธ์” ของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่มีความหวังว่าตนจะสามารถโค่นล้มรัฐบาลของ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน และเข้ายึดกรุงเคียฟภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์
“ความรู้สึกของเราคือ มันอาจจะส่งผลกระทบน้อยกว่ากับคำถามที่ว่า ผู้นำจีนอาจเลือกใช้กำลังในการควบคุมไต้หวันเป็นเวลาหลายปีหรือไม่ แต่คือพวกเขาจะทำมันได้อย่างไรและเมื่อไหร่” เบิร์นส์กล่าวก่อนระบุว่าเสริมว่า ตนมีความเชื่อว่าจีนพยายามจับตามองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน “คุณจะไม่ได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดด้วยกำลังที่ท่วมท้น”
“ผมสงสัยว่าบทเรียนที่ผู้นำและกองทัพจีนกำลังวาดอยู่ก็คือ คุณต้องรวบรวมกองกำลังอย่างท่วมท้น หากคุณจะไตร่ตรองในการทำสิ่งนั้นในอนาคต” เบิร์นส์กล่าวพร้อมชี้ว่า จีนยังได้เรียนรู้ด้วยตนว่าต้อง “ควบคุมพื้นที่ของข้อมูลข่าวสาร” และ “ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของคุณให้พ้นจากการคว่ำบาตร”
เบิร์นส์เป็นอีกหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ที่ออกมาประเมินว่า จีนจะทำการรุกรานไต้หวันในอนาคต พร้อมออกมาชี้ว่า พวกตนไม่เชื่อว่าจีนไม่ได้ให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่รัสเซีย แม้จะเป็นแค่การสนับสนุนในทางวาทศิลป์ก็ตาม เบิร์นส์ยังได้ชี้อีกว่าจีนได้เพิ่มการซื้อพลังงานจากรัสเซีย พร้อมกันกับการรักษาท่าทีด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ถูกชาติตะวันตกออกมาประกาศคว่ำบาตรตนไปด้วย
ทั้งนี้ จีนออกมาปฏิเสธโดยตลอดว่า ตนไม่มีแผนการในการเข้ายึดครองไต้หวัน และจะยังคงใช้วิธีการ “กลับมาเป็นปึกแผ่นอย่างสันติ” พร้อมยืนยันว่า สถานการณ์ของจีนต่อประเด็นไต้หวัน แตกต่างออกไปจากรัสเซียต่อยูเครน นอกจากนี้ จีนยังได้กล่าวหาสหรัฐฯ ว่าคอยให้หลังไต้หวันในการ “เป็นเอกราช” จากจีน ถึงแม้ว่าไต้หวันจะปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 2492 และจีนไม่เคยส่งผู้ปกครองของตนขึ้นไปบนเกาะไต้หวันได้เลยก็ตาม
ที่มา:
