ประมง แม่ค้า ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง กว่า 837 ราย ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เหตุหน่วยงานรัฐละเลยการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ในการบริหารจัดการเหตุน้ำมันรั่วที่ระยอง ปี 2565 เป็นเหตุให้ทะเลระยองเกิดความเสียหายเกินสมควร ยากต่อการเยียวยา
วันนี้ (20 มกราคม 2566) ชาวประมง แม่ค้า และผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยงในจังหวัดระยอง 837 ราย ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองจังหวัดระยอง เหตุหน่วยงานรัฐ 7 หน่วยงานคือ ดังนี้
ทั้ง 7 หน่วยงานข้างต้น มีหน้าที่ตามกฎหมายในการบริหารจัดการเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลอย่างต่อเนื่องกลางทะเลจังหวัดระยองกว่า 400,000 ลิตร จากจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SINGLE POINT MOORING SYSTEM) ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และป้องกันผลกระทบที่จะเกิดแก่ระบบนิเวศ ทรัพยากรทางทะเล และวิถีชีวิตของประชาชน แต่กลับละเลยในการป้องกันเหตุหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ประมาทเลินเล่อในการแก้ไขปัญหา กล่าวคือ อนุญาตให้ใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันอย่างผิดวิธีและเกินจำเป็น อีกทั้ง ยังละเลยต่อการสำรวจความเสียหาย บรรเทาเยียวยาความเสียหายและการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่งภายหลังเกิดเหตุ เป็นเหตุให้ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล รวมถึงวิถีชีวิตของชุมชนประมงพื้นบ้านและชุมชนชายฝั่งจังหวัดระยอง ต้องเกิดความเสียหายจนเกินสมควร และยากต่อการเยียวยาให้กลับเป็นดังเดิมได้
ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 เกิดเหตุให้ท่อขนส่งน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) แตก จนมีน้ำมันดิบไหลทะลักออกมาในทะเลเป็นปริมาณมาก และจากการขาดระบบควบคุมการเปิดปิดวาล์วน้ำมัน และการตรวจสอบสภาพท่อส่งน้ำมันและวิธีการส่งถ่ายน้ำมันที่ดีพอ ทำให้การรั่วไหลของน้ำมันดิบเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ปริมาณน้ำมันรั่วไหลลงสู่ท้องทะเลไม่น้อยกว่า 50,000 ลิตร อีกทั้ง บริษัท พีทีที โกบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ยังเลือกใช้วิธีการฉีดพ่นสารเคมีขจัดคราบน้ำมัน เช่นเดียวกับที่บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ในเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสารเคมีที่ใช้เพื่อสลายคราบน้ำมัน เป็นสารอันตรายเพราะจะทำให้น้ำมันดิบแตกตัวออก แล้วจับตัวกับสารเคมีกลายเป็นตะกอนจมลงสู่ก้นทะเล ทำให้สารอันตรายในน้ำมันดิบละลายปะปนกับน้ำทะเลเป็นระยะเวลายาวนาน ส่งผลกระทบต่อทั้งวิถีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และเศรษฐกิจภายในจังหวัดระยองเป็นอย่างมาก
มากไปกว่านั้น ตั้งแต่เกิดเหตุน้ำมันรั่วที่ระยองในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว ทะเลในพื้นที่จังหวัดระยองยังไม่ได้รับการฟื้นฟูแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ชาวประมง แม่ค้าและอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องกับอาชีพประมงยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว รายได้จากการประกอบอาชีพยังคงน้อยกว่าก่อนเกิดเหตุน้ำมันรั่วและทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์น้ำก็ยังไม่ฟื้นฟูกลับมาระดับที่เคยเป็นก่อนเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลในปี 2556
เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลจังหวัดระยองอีกครั้งในต้นปี 2565 เปรียบเสมือนกับการซ้ำเติมชีวิตของผู้ที่มีวิถีชีวิตใกล้ชิดและพึ่งพาอาศัยทรัยากรธรรมชาติทางทะเลจังหวัดระยอง ผู้ฟ้องคดีทั้ง 837 ราย ซึ่งมีวิถีชีวิตเป็นประมงชายฝั่ง หรืออาศัยและประกอบอาชีพบริเวณชายฝั่ง ได้รับความวิตกกังวล และเดือดร้อน กระทบวิถีชีวิตเป็นอย่างมาก โดยคาดการณ์ได้ว่า อาจต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี กว่าทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลจังหวัดระยองจะสามารถฟื้นฟูขึ้นใหม่ได้ ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดจึงขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษา หรือมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้