พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์เรื่อง คัดค้านวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยระบุว่า ตามที่ กกต.ได้มีประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง กกต. แบบบัญชีรายชื่อ โดยกำหนดให้พรรคการเมืองมี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ ทั้งๆที่พรรคการเมืองนั้นๆ มีคะแนนไม่ถึงจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ และยังปรากฏด้วยว่าพรรคการเมืองที่ได้รับจัดสรรที่นั่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเหล่านั้น ได้รับคะแนนเสียงไม่ถึงจำนวนเสียงต่อ ส.ส. 1 คน ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ได้กำหนดไว้อีกด้วยเช่นกัน
พรรคเพื่อไทยได้แถลงให้ทราบไปแล้วว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่า มาตรา 128 ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ก็ตาม แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็มิได้วินิจฉัยลงไปในรายละเอียดถึงวิธีการคำนวณส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ว่ากกต. สามารถที่จะคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ให้กับพรรคการเมืองที่มีคะแนนต่ำกว่าคะแนนต่อส.ส. 1 คน ได้หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องยึดหลักเกณฑ์วิธีการคำนวณที่ไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กล่าวคือ
1. พรรคการเมืองที่จะได้รับจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ต้องมีคะแนนไม่ต่ำกว่าคะแนนต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คน (ประมาณ 70,000 คะแนน)
2. พรรคการเมืองที่มีคะแนนต่ำกว่าจำนวนคะแนนต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คน ย่อมไม่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พึงมี และไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อที่พึงได้รับ ย่อมไม่มีสิทธิได้รับจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 (4) ประกอบมาตรา 128 (4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้จัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อให้กับพรรคการเมืองเฉพาะพรรคที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อที่พึงได้รับเท่านั้น
3.หลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 (4) และมาตรา128 (5) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ส่วนท้ายได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าในการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดมี ส.ส. เกินจำนวนที่จะพึงมีได้ เมื่อพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่าคะแนนต่อจำนวน ส.ส. 1 คน ไม่มี ส.ส.พึงมี หากมีการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้กับพรรคดังกล่าว จะมีผลให้พรรคนั้นมีจำนวน ส.ส. เกินจำนวนที่พึงมี (เดิมไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลย) ซึ่งจะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญรวมถึงขัดต่อมาตรา 128 (5) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวมา ของ กกต.ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและ พ.รบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กกต.ได้รับทราบข้อท้วงติง ข้อทักท้วงของพรรคการเมืองที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับการให้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อตาม “สูตรแจกพรรคเล็ก” และได้แจ้งให้ทราบด้วยว่า การตัดสินใจดังกล่าวนอกจากจะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแล้ว ยังอาจจะส่งผลต่อบริบททางการเมืองภายภาคหน้าอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
โดยเหตุนี้พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวมาของ กกต. เข้าข่ายเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ และใช้อำนาจอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และจะใช้ช่องทางดำเนินการตามกฎหมายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งในทุกช่องทางที่จะทำได้ต่อไป จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
'สุดารัตน์' บี้ กกต. แจงแจก ส.ส.ให้พรรคคะแนนไม่ถึง 7หมื่นเสียง
เช่นเดียวกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แคนดิแดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ย้ำพรรคการเมืองจะมี ส.ส.เกินกว่า ส.ส.พึงมีไม่ได้ เพราะหากดูจากวิธีคำนวณคะแนนพึงมีของคนที่ได้คะแนนมากกว่า 30,000 เสียง จะมี ส.ส.เพิ่งมีแค่ 0.5 คน ดังนั้น หากจะปัดคะแนนขึ้นไปเป็นหนึ่งคนซึ่งจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน ทั้งนี้นอกจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจะต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญแล้ว การคำนวณออกมาโดยผลลัพธ์ ก็จะต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน ซึ่งกกต.จะไปสรุปว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แล้วการคำนวณก็จะต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า หาก กกต. จะยืนยันที่จะประกาศผลคะแนนพึงมีให้กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนไม่ถึง 71,000 คะแนนได้ที่นั่งไปนั้น กกต.จะตอบสังคมและผู้เสียหาย ซึ่งก็คือพรรคการเมืองที่สูญเสียที่นั่ง ส.ส.จากการคำนวณไปให้ได้ว่าสิ่งที่ กระทำอยู่นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่หาก กกต.จะอ้างว่าได้ถามไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้วและศาลแจ้งว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น จะต้องถามกลับไปที่ กกต.ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือสูตรที่นำมาคำนวณ ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังย้ำว่าพรรคเพื่อไทยเป็นหนึ่งในผู้เล่น ที่ก่อนจะลงเล่นได้อ่านและทำความเข้าใจกับรัฐธรรมนูญมาอย่างละเอียดแต่หาก กกต.จะอ้างด้วยวิธีการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและบอกว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องเท่ากับว่าเป็นการบอกกติกากับคนผ่านรัฐธรรมนูญอีกอย่างหนึ่ง แต่กลับไปคำนวณด้วยวิธีที่ผิดรัฐธรรมนูญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง