นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินงานรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -19 ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในประเด็น “การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์” ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ เนื่องจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศต่าง ๆทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งประเทศไทยที่ยังคงมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันในหลักร้อยคนขึ้นไปอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ เวชภัณฑ์ ชุดตรวจวินิจฉัย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีอยู่ไม่เพียงพอรองรับกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นว่าการสนับสนุนผลจากการวิจัยด้านอุปกรณ์ ทางการแพทย์เป็นแนวทางหนึ่งที่แก้ปัญหาดังกล่าวได้
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ขับเคลื่อนให้เกิดการวิจัยเชิงรุก โดยการบริหารจัดการงานวิจัยที่เป็นโครงการเร่งด่วนตามความต้องการของประเทศที่ใช้ในการควบคุมป้องกัน และรักษาโรคโควิด-19 ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อ การพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัย การคาดการณ์การระบาดของเชื้อ เพื่อเป็นการรองรับการระบาดในวงกว้าง มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก การพัฒนานวัตกรรมการวิจัยด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับใช้เองในประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานในสังกัด มหาวิทยาลัย ตลอดจนภาคเอกชน เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 โดยมุ่งเน้น ประเด็นการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ 4 ประเด็น ดังนี้
1. หน้ากากทดแทน N95 (N95-equivalent) ที่สามารถใช้ได้หลายครั้ง ประกอบด้วย 4 โครงการ คือ
1.1 การพัฒนาโครงหน้ากาก N95 และการทดสอบประสิทธิภาพของวัสดุกรองชนิดต่าง ๆ ให้สามารถกรอง PM2.5 ได้ร้อยละ 95 มีกำลังการผลิต 30,000 ชิ้นต่อเดือน คาดว่าจะสามารถผลิตได้ 400,000 ชิ้นต่อปี โดยจะมีการทดสอบมาตรฐานในเดือนเมษายน 2563
1.2 การประยุกต์ใช้ Silicone mask มาดัดแปลงเพิ่มแผ่นกรอง HEPA filter ที่มีคุณสมบัติและมาตรฐานสามารถกรองป้องกันเชื้อได้มากกว่าหน้ากากชนิด N95 มีกำลังการผลิต 10,000 ชิ้นต่อเดือน คาดว่าจะสามารถผลิตได้ 50,000 ชิ้นภายใน 5 เดือน (สิงหาคม 2563)
1.3 การพัฒนาหน้ากาก 2 รูปแบบ คือ (1) หน้ากากบรรจุแผ่นกรองอากาศ HEPA filter เป็นหน้ากากผ้าสปันบอนด์แบบ Non-Woven อยู่ในระหว่างการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานกำหนด มีกำลังการผลิต 1,000 ชิ้นต่อวัน และคาดว่าจะสามารถผลิตได้ 100,000 ชิ้นภายใน 3 เดือน (มิถุนายน 2563) และ (2) หน้ากาก Nano ใช้นวัตกรรมนาโนและแผ่นกรองอากาศนาโนไฟเบอร์ มีกำลังการผลิต 200 ชิ้นต่อวัน และคาดว่าจะสามารถผลิตได้ 50,000 ชิ้นภายใน 5 เดือน
1.4 การพัฒนาเครื่องมือเพื่อขยายการผลิตแผ่นกรองเส้นใยนาโนไฟเบอร์ มีกำลังการผลิต 720 ชิ้นต่อเดือน คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังผลิตให้เป็น 5,700 ชิ้นต่อเดือน โดยจะเริ่มผลิตได้หลังจากที่สามารถพัฒนาเครื่องได้เสร็จสิ้นแล้ว
2. อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) ดังนี้
3. เครื่องช่วยหายใจ (Ventilators) โดยการทำงานร่วมกันของหลายภาคส่วน ได้เตรียมการสำหรับการสนับสนุนเครื่องช่วยหายใจ ดังนี้ (1) การสร้างฐานข้อมูลในการแชร์เครื่องช่วยหายใจระหว่างโรงพยาบาลและพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปริมาณคนไข้ (2) การจัดหาอุปกรณ์ประกอบ (Accessories) แบบสิ้นเปลืองของเครื่องช่วยหายใจ (3) การประสานงานกับผู้ผลิตในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถสั่งซื้อจำนวน ประมาณ 1,000 ชิ้น (4) การซ่อมแซมเครื่องช่วยหายในที่มีอยู่เดิม ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ปกติ (5) การเร่งพัฒนาเครื่องช่วยหายใจทั้งแบบ medium-end โดยมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
4. ห้องตรวจแยกโรคแรงดันลบ (Negative-pressure facilities) โดยมีโครงการต้นแบบ ได้แก่ (1) บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด มหาชน สนับสนุนดำเนินงานที่โรงพยาบาลราชวิถี (2) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล (3) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
5. การสนับสนุนด้านอื่นๆ
(1) การพัฒนาชุดตรวจมาตรฐานแบบ RT-PCR เพื่อสนับสนุนห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ โดยได้ส่งมอบแล้ว 20,000 ชุด และมีกำลังการผลิต 100,000 ชุดต่อเดือน
(2) การสนับสนุนการพัฒนาชุดตรวจแบบ LAMP ที่ให้ผลตรวจรวดเร็วขึ้น จำนวน 3 โครงการ จะเริ่มได้น้ำยาตรวจในเดือนเมษายน 2563 และสนับสนุน/ทดแทน ชุดตรวจแบบ RT-PCR
(3) การพัฒนาชุดตรวจแบบ CRISPR-cas ซึ่งใช้เวลาในการตรวจสั้นลงขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพ
(1) ระบบติดตามผู้ติดเชื้อเพื่อใช้ในการควบคุมโรคโดยโปรแกรม DDCcare ร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(2) ระบบ TeleHealth โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ร่วมกับภาคเอกชน
(3) ระบบ Logistics เพื่อบริหารจัดการความต้องการเวชภัณฑ์ระหว่างผุ้ใช้และ supplies โดยทำร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดล วช. และกระทรวงสาธารณสุข
(4) ระบบ MELB Platform เพื่อบริหารจัดการการบริจาคสิ่งของต่าง ๆ โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS)
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายและแหล่งที่มา งบประมาณดำเนินการประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็น1) งบประมาณของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปีงบประมาณ 2563 จำนวนประมาณ 2,000 ล้านบาท 2) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวนประมาณ 1,000 ล้านบาท