เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ประกาศฉบับที่ 25/2564 เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม น้ำล้นอ่างเก็บน้ำ และน้ำล้นตลิ่ง โดยระบุว่า จากการคาดการณ์กรมอุตุนิยมวิทยา หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนล่างในช่วงวันที่ 27-28 ตุลาคม 2564
และในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ช่วงวันที่ 28-30 ตุลาคม 2564 มีฝนตกปานกลาง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางบางส่วน ประกอบกับในช่วงวันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2564 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากของกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่เฝ้าระวังในช่วงวันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2564 ดังนี้
1. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินถล่ม บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น และเลย ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี และภาคใต้ จังหวัดระนอง พังงา ตรัง สตูล สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา
2. เฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้น กระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี) ภาคตะวันออก (จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี) ภาคกลาง (จังหวัดสุพรรณบุรี ลพบุรี และสระบุรี) ภาคตะวันตก (จังหวัดกาญจนบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์) ภาคใต้ (จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ระนอง ภูเก็ต ตรัง และยะลา)
3. เฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ
2. ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 หรือเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาบริหารจัดการเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ ให้สอดคล้องกับการขึ้น - ลง ของระดับน้ำทะเล รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก
3. ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความสามารถใช้งานของอ่างเก็บน้ำ อาคารบังคับน้ำ และติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วม ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที
5. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์