วันที่ 5 ต.ค. 2565 ที่รัฐสภา มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงจุดยืนของพรรคหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีต่อ
โดย พรรคไทยศรีวิไลย์ เคารพในคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่ขอชื่นชมและศรัทธาในคำวินิจฉัยส่วนตน 3 เสียง ของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย คือ ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และ นภดล เทพพิทักษ์ ที่เด็ดเดี่ยว ประกอบด้วยคำวินิจฉัยเพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
มงคลกิตติ์ ระบุว่า การเลือกตั้งในปี 2566 พรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมเป็นตัวเลือกหนึ่งในสนามเลือกตั้งให้กับประชาชน ในการทำหน้าที่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล และไม่ว่าจะได้เสียง ส.ส.ในสภาจากประชาชนกี่เสียง ก็ขอทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคไทยศรีวิไลย์ จะส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตให้ได้ 400 เขตเลือกตั้ง 77 จังหวัด และ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 100 รายชื่อ พร้อมนโยบายที่จะครอบคลุมการแก้ปัญหาประชาชนในทุกมิติ และยืนยันว่า จะเสนอชื่อ มงคลกิตติ์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ด้วยวัย 41 ปี เป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพียง 1 ชื่อ เท่านั้น ตาม พ.รป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2561
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้ง ปี 2566 เป็นการเสนอชื่อ นายกรัฐมนตรี ตามกฎหมาย เท่านั้น เพราะทราบดีว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ จะเป็นพรรคการเมืองที่จะขยับจากพรรคขนาดเล็กเป็นขนาดกลางๆ เท่านั้น
แต่หากการเลือกตั้งปี 2566 พรรคไทยศรีวิไลย์ทำได้สำเร็จพอประมาณที่คาดไว้ ในการเลือกตั้งปี 2570 พรรคไทยศรีวิไลย์ จะเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งหัวหน้าพรรค ตอนนั้นด้วยวัย 46 ปี น่าจะพร้อมเป็น นายกรัฐมนตรี ที่พร้อมด้วยวัย พร้อมด้วยความรู้ พร้อมด้วยร่างกาย วุฒิภาวะ และประสบการณ์ ที่พี่น้องประชาชนคนไทยจะฝากความหวังไว้ได้แน่นอน