พรรคพลังประชารัฐจัดงานเปิดตัวผู้สมัคร 350 เขต พร้อมแสดงวิสัยทัศน์และนำเสนอนโยบายจากแกนนำพรรค อาทิ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน โดยวันนี้มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงนโยบายพรรคพลังประชารัฐว่า แม้ว่าจะเป็นพรรคน้องใหม่อายุน้อย แต่เป็นพรรคที่มีความพร้อมมากด้วยมีคนมีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมสร้างสรรค์ต่อประเทศไทย
"ที่ผ่านมาเราบอบช้ำกันมามากแล้ว วันนี้เราเลือกข้างแล้ว โดยไม่อยู่ข้างพวกอ้างประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการรัฐสภา เรามุ่งสร้างสรรค์ประชาธิปไตยเพื่อคนไทยทุกคน" นายอุตตม กล่าว
ดังนั้นวันนี้ทุกคนต้องมาร่วมมือกันเพื่อก้าวข้ามสิ่งที่บั่นทอนพวกเรา ไม่ใช่ตกรถไฟมาเป็นสิบปีแล้ว
ส่วนสมัยที่ทำงานเป็นรัฐมนตรี พบว่าตัวเลขเศรษฐกิจโตขึ้นร้อยละ 4.2 นี่คือตัวเลขที่ประจักษ์ให้ทุกคนเห็นแล้ว ซึ่งเป็นมาจากความสงบที่มีเสถียรภาพ ขณะที่ตัวเลขการลงทุนก็ชี้ว่านักลงทุนมั่นใจ วันนี้มีเงินเข้าประเทศกว่า 9 แสนล้านบาท ต่างจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ส่วนการท่องเที่ยว ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นปีละ 3 ล้านคน ล่าสุดมา 38 ล้านคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่พรรคพลังประชารัฐทำได้อยู่แล้ว
ส่วนวาทกรรมที่โจมตีพรรคพลังประชารัฐนั้น มองว่าที่ผ่านมากี่รัฐบาล วันนี้พร้อมที่จะทำให้เห็น สำหรับเรื่องความเหลื่อมล้ำนั้น ไม่เคยเห็นรัฐบาลช่วยจริง โดยรัฐบาลนี้เป็นครั้งแรกที่ให้โอกาสคนไทย ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
แม้ว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากเลือกตั้งแต่เรามีนโยบายที่สามารถจับต้องได้ รวมถึงกรณีหนี้นอกระบบ ที่ได้จัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันมีดีอยู่พอสมควร อย่าให้ใครสร้างวาทกรรทใส่ร้ายประเทศ ทำร้ายประชาชน
เราจะเสนอนโยบายโดยไม่มุ่งหวังทางการเมือง และไม่ขายฝันเพื่อคะแนน เราคิดโดยเชื่อมโยงประชาชน โดยใช้โมเดล 3 พันธกิจ คือ สวัสดิการประชารัฐ สังคมประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ โดยจะทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนเกิดความมั่งคั่งที่ไม่ได้กลวง ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจน
ยกตัวอย่าง 'บัตรประชารัฐ' ที่หลายคนบอกว่าไปลอกนโยบายเขามา แต่ต้องถามกลับว่าทำไมมันถึงมาเกิดยุคนี้ อีกทั้งยังได้เสียงตอบรับประชาชนอย่างดี ล่าสุดมีคนถือบัตรนี้ 14 ล้านคน โดยมีเป้าหมายเพิ่มอีก 2-3 ล้านคน นอกจากนี้พรรคจะเพิ่มสวัสดิการรายกลุ่ม เช่น กลุ่มแรงงาน กลุ่มสตรีมีครรค์ ที่เรียกว่า 'มารดาประชารัฐ' อย่าคิดว่าทำเล่นๆ พรรคจะดูแลมารดาตั้งแต่ตั้งต้นถึงมีลูก ไม่ใช่บางพรรคที่บอกว่าต้องเกิดก่อนถึงจะดูแล รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่ยึดโยงหนี้กองทุนหมู่บ้าน ที่มีคนกู้ไปถึง 10 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมาอาจเป็นสิ่งที่ดี แต่ข้อเท็จจริงคือหนี้กองทุนหมู่บ้านนำไปสู่หนี้นอกระบบ
รวมถึงจะประกาศพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี และมีการดูแลเยียวยาไม่ใช่การพักนี้เฉยๆ แต่คือการเติมเงินเข้าไปด้วย
ขณะที่ ภาคเกษตรกรรมคือมีนโยบาย 3 เพิ่ม 3 ลด คือ ลดภาระหนี้สิน ลดต้นทุน ลดความเสี่ยง และเพิ่มสิทธิการทำกินในที่ดิน ออกเอกสารสิทธิที่ดินและเร่งพิสูจน์สิทธิกรณีที่มีปัญหากับรัฐ เราเรียกว่า สปก.4.0 รวมถึงการชดเชยข้าว 2,000 บาทต่อไร่ เท่ากับว่าไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อไร่ สำหรับปัญหาเหล่านี้ถ้าพรรคเราเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เรื่องเหล่านี้จัดการไปแล้ว พรรคพร้อมมากเหลือเกินสำหรับการเลือกตั้ง
ขณะที่ การเทียบเชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.นั้น นายอุตตมได้กล่าวกับประชาชนและสอบถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ ประชาชนที่มาร่วมงานล้วนตะโกนเสียงเฮ พร้อมตะโกนชื่อ 'ลุงตู่'
"ถ้าท่านมากับเรา คราวนี้เราไร้เทียมทานแน่นอน" นายอุตตม กล่าวทิ้งท้าย
สนธิรัตน์ ยก 'ประยุทธ์' ผู้นำที่ดีที่สุด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ เลขาธิการพรรค กล่าวว่า นายกฯ ประยุทธ์ไม่ได้รัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะขณะนั้นอยู่ในห้วงไม่มีรัฐบาลและบ้านเมืองอยู่ในช่วงวุ่นวายไม่สงบ พรรคพลังประชารัฐจึงมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง
สำหรับบ้านเมืองนี้ต้องการคนดีคนเก่งและเป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่บางพรรคที่ยังไม่ถูกยอมรับจากคนในพรรค ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้มีความพร้อมทั้งตัวผู้สมัครและนโยบายที่สุดแล้ว โดยพรรคมีผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :