ไม่พบผลการค้นหา
ประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม เชื่อเรื่องการเมืองและนโยบายเรื่องกัญชาจากรัฐบาลชุดใหม่ในอนาคตจะไม่ส่งผลกระทบกัญชาทางการแพทย์ ส่วนความคืบหน้ากัญชาหลังปลูกที่โรงงานรังสิต พบเติบโตดี โดยกัญชาที่สาร THC เติบโตได้ดีกว่า สายพันธุ์อื่น

สำนักข่าวไทยรายงาน นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวว่า หากมีการปรับเปลี่ยนทางการเมือง หรือมีขั้วรัฐบาลชุดใหม่มาดำเนินการเรื่องเสรีกัญชา คงไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานขององค์การเภสัชกรรมแน่นอน เนื่องจากการทำงานขององค์การเภสัชกรรมเกี่ยวกับกัญชา เป็นเรื่องทางการแพทย์ มุ่งการผลิตสารสกัด น้ำมันกัญชา เพื่อใช้รักษาโรค และการศึกษาวิจัยสายพันธุ์กัญชา เพื่อให้เหมาะสมกับการปลูกที่จะได้สารสำคัญทางการแพทย์ ทั้ง THC, CBD ส่วนคำว่าเสรีกัญชา ยังต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลชุดใหม่ว่าเสรีแค่ไหน เพราะในต่างประเทศ คำว่าเสรี ไม่ได้หมายถึงการปลูกกัญชาในทางการค้า แต่เป็นการปลูกในระดับครอบครัว ไม่กี่ต้น 

สำหรับความคืบหน้า หลังการปลูกกัญชาในโรงเรือนพื้นที่โรงงานผลิตยาขององค์การเภสัชกรรม ที่รังสิตนั้น พบว่ามีการเจริญเติบโตดีในการปลูกทั้ง 3ชนิดทั้งแบบ 1. กัญชาสายพันธุ์ที่มีสาร THC สูง 2. กัญชาที่มีสายพันธุ์ CBD สูง และ 3.กัญชาสายพันธุ์ที่มี THC, CBD โดยพบว่ากัญชาที่มีสาร THC สูง เติบโตได้ดีที่สุด แต่ขณะนี้กำลังพิจารณาวิเคราะห์เพื่อลดต้นทุนการผลิต ทดลองปลูกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมยิ่งขึ้น เช่น การปิดไฟ หรืออาจย้ายมาปลูกลงดิน แต่ต้องดูว่าไม่มีสารโลหะ และสารสำคัญยังคงครบถ้วน หรืออาจพิจารณาปรับปรุงเป็นกรีนเฮาส์ แต่ก็ต้องดูเรื่องสภาพอากาศรวมได้ ต้องไม่แฉะ เพราะอาจเกิดเชื้อรา ไม่ร้อนจนเกินไป 

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ส่วนคนทั่วไปที่อยากร่วมปลูก ยังต้องเป็นวิสาหกิจชุมชนและทำร่วมกับมหาวิทยาลัย ขณะนี้ทราบว่าองค์การอนามัยโลกกำลังเตรียมปลดล็อกสาร CBD ที่มีค่าร้อยละ 0.2 ในกัญชา ออกจากยาเสพติดนั้น ก็จะมีผลให้สามารถใช้ประโยชน์จากัญชาในรูปแบบอื่นๆ ได้กว้างขึ้น เช่น นำเมล็ดมาสกัดน้ำมัน เป็นโอเมก้า มาเป็นสบู่ รักษาโรคผิวหนังได้ ซึ่งสาร CBD มีประโยชน์ไม่ได้ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แต่ยังช่วยลดความเครียด นอนไม่หลับด้วย