นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า รายงานสถานการณ์ของประเทศไทยวันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขณะนี้ 3,031 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดเสียชีวิตสะสม 56 ราย หายป่วยกลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย รวมยอดหายป่วยสะสม 2,857 ราย และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 118 ราย
โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ซึ่ง 2 รายแรกเกี่ยวข้องกับกรณีการติดเชื้อในส่วนราชการใน กทม. ได้แก่ หญิงไทย อายุ 29 ปี มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันในที่ทำงานส่วนราชการในกรุงเทพมหานคร เริ่มป่วยด้วยอาการถ่ายเหลว และเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ในวันที่ 15 พ.ค. และรักษาต่อที่โรงพยาบาลในจ.นนทบุรี
และชายไทย อายุ 55 ปี มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันในที่ทำงานเดียวกับรายที่ 1 และเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ในวันที่ 15 พ.ค. และรักษาต่อในโรงพยาบาลเดียวกับผู้ป่วยรายที่ 1 กลุ่มนี้เกิดในที่ทำงานเดียวกันรวมเป็น 6 ราย ซึ่งกรมควบคุมโรค เข้าไปติดตามมีผู้ใกล้ชิดต้องรับการตรวจเพิ่มเติมอีก จะขยายผลไปอีกต่างหาก
และรายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 27 ปี อาชีพพนักงานขายสินค้า ภูมิลำเนา จ.ภูเก็ต มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันที่จ.ปราจีนบุรี และเข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 15 พ.ค. และรักษาต่อที่โรงพยาบาลในจ.ภูเก็ต
นพ.ทวีศิลป์ กล่าววิเคราะห์กรณีมีผู้ป่วยที่เดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต แล้วไปพบผลตรวจยืนยันที่จังหวัดปราจีนบุรี 1 ราย และที่จังหวัดเชียงใหม่ 1 ราย เพื่อให้เห็นภาพของทิศทางการสอบสวนโรค ว่า มีผู้ที่เดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตไปในเดือนมีนาคม 7 ราย และเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตในเดือนเมษายน ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก แบ่งเป็น 2 กลุ่ม รวมทั้งเดินทางไปในเดือนพ.ค.ที่ปรากฏผู้ป่วยในจังหวัดปราจีนบุรีและเชียงใหม่ โดยผู้ป่วยที่พบนี้มีความเชื่อมโยงกับการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เวลามีโรคระบาดโรคติดต่อจะเกิดลักษณะอย่างนี้ โดยไม่ได้เป็นประเด็นของจังหวัดแต่อย่างใด ประชาชนมีอิสระเสรีที่จะเดินทางไปได้ทุกที่ แต่ต้องมีความเข้าใจถึงความเสี่ยงของตัวเอง เมื่อมีอาการขึ้นมา ต้องรีบเข้ารับการรักษา รีบขอรับการตรวจโดยเร็วถึงจะไม่มีอาการอะไร หรือแค่จมูกไม่ได้กลิ่น มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้หรือประวัติมีไข้ ก็ให้ไปตรวจได้ ถ้าเจอโรคได้เร็วจะรีบรักษาได้เร็ว ขอขอบคุณประชาชนจังหวัดภูเก็ตที่พยายามดูแลตัวเอง ทั้งระดับฝ่ายปกครองและประชาชนที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ถ้าจังหวัดภูเก็ตได้มีการดูแลอย่างดีแล้วเชื่อว่าตัวเลขจะน้อยลงเรื่อย ๆ
เผยประชาชนเช็คอิน “ไทยชนะ” 2 ล้านกว่าครั้ง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า รายงานข้อมูลจาก www.ไทยชนะ.com ซึ่งเป็น Platform ที่ทางการไทยให้การรับรอง และเป็น Platform เดียวที่ครอบคลุมทั้งประเทศในการลงทะเบียนของผู้ดำเนินกิจการและผู้ใช้บริการ รวมถึงการให้ rating ในการประเมินสถานประกอบกิจการ/กิจกรรม พบว่า มีร้านค้าที่ลงทะเบียน 44,386 ร้าน ผู้ใช้งาน 2,002,897 คน แบ่งจำนวนการใช้ออกเป็น เช็คอิน 2,658,754 ครั้ง เช็คเอ้าท์ 1,845,191 ครั้ง และการประเมินร้าน 1,258,261 ครั้ง โดย 10 จังหวัด ผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนร้านค้าสูงสุด ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. ชลบุรี 3. นนทบุรี 4. สมุทรปราการ 5. ปทุมธานี 6. เชียงใหม่ 7. นครราชสีมา 8. ภูเก็ต 9. สุราษฎร์ธานี และ 10. ขอนแก่น ตามลำดับ
ผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนร้านค้าสูงสุด 10 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. ร้านอาหาร/เครื่องดื่มฯ 2. ห้างสรรพสินค้าฯ 3. ซูเปอร์มาร์เก็ตฯ 4. การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 5. การให้บริการ 6. ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 7. สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต 8. คลินิกเสริมความงาม/ร้านเสริมสวย 9. ธนาคาร และ 10. ร้านขายยา 661 ร้าน ตามลำดับ
ผู้รับบริการเข้าใช้บริการสูงสุด 10 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. ห้างสรรพสินค้าฯ 2. ซูเปอร์มาร์เก็ตฯ 3. ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม 4. การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 5. ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 6. การให้บริการ 7. ธนาคาร 8. สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต 9. ร้านขายยา และ 10. คลินิกเสริมความงาม/ร้านเสริมสวย ตามลำดับ โดยจังหวัดที่มีผู้รับบริการเข้าใช้บริการสูงสุด 10 จังหวัด ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. ชลบุรี 3. สมุทรปราการ 4. นนทบุรี 5.ปทุมธานี 6. นครราชสีมา 7. เชียงใหม่ 8. สงขลา 9. ภูเก็ต และ 10.นครปฐม ตามลำดับ