ไม่พบผลการค้นหา
'ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ' - 'มิเชล โฟลวร์นอย' สองสตรีตัวเก็งติดในโผรายชื่อบุคคลที่อาจได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีกลาโหม และ รัฐมนตรีทหารผ่านศึก ในรัฐบาล ปธน.ไบเดน

หลังคว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี 'โจ ไบเดน' ว่าผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 46 ประกาศว่าเตรียมจัดตั้งคณะทำงานเพื่อรับช่วงเปลี่ยนผ่านคณะบริหารทรัมป์สู่รัฐบาลชุดใหม่ สิ่งที่น่าสนใจคือ บุคคลผู้ที่จะมาร่วมทีมคณะบริหารประธานาธิบดีไบเดน มีชื่อของ 'ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ' ส.ว.อเมริกันเชื้อสายไทย ติดโผผู้ที่มีโอกาสได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งในสองกระทรวงสำคัญภายใต้การนำของประธานาธิบดีไบเดน

Politico เว็บไซต์ข่าวด้านการเมืองและนโยบายในสหรัฐและต่างประเทศ เปิดเผยว่า พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วัย 52 ปี อดีตทหารผ่านศึกสหรัฐฯ อยู่ในรายชื่อของบุคคลที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีหนึ่งในสองกระทรวง คือ กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก เช่นเดียวกับ usatoday ที่ระบุถึง ส.ว.ดักเวิร์ธ เป็นหนึ่งในรายชื่อของผู้ที่ถูกจับตามองนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม หรือ รัฐมนตรีกิจการทหารผ่านศึก

อย่างไรก็ดี อีกหนึ่งสตรีที่ถูกจับตาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่คือ 'มิเชล โฟลวร์นอย' วัย 59 ปี อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฝ่ายยุทธศาสตร์ภายใต้ประธานาธิบดีคลินตัน และอดีตปลัดกลาโหมด้านนโยบาย (Under Secretary of Defense for Policy) สมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งไม่ว่าเก้าอี้นี้จะตกเป็นของใคร จะส่งผลให้เธอผู้นั้นกลายเป็นรัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกของสหรัฐฯ เช่นกัน

มิเชล โฟลวร์นอย



อดีตทหารผ่านศึก กับ มันสมองเพนตากอน 

ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ถือหนึ่งในสี่กระทรวงสำคัญของรัฐบาลสหรัฐ ชื่อของ 'ดักเวิร์ธ' และ 'โฟลวร์นอย' ปรากฏอยู่ในโผตัวเก็งรัฐมนตรีของไบเดน แต่ 'มิเชล โฟลวร์นอย' มีความเป็นไปได้สูงกว่าที่จะได้รับเลือกเป็น 'นายหญิง' คนใหม่ของเพนตากอน 

โฟลวร์นอย ได้ชื่อว่าเป็นมันสมองของกองทัพสหรัฐฯ โดยช่วงที่ ไบเดน รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เธอมีส่วนร่วมในการเขียนแผนแม่บทที่ชี้ว่า เพนตากอนจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาเทคโนโลยีกองทัพ ให้เท่าทันการขึ้นมามีอิทธิพลของจีนในภูมิแปซิฟิก

โคริ เชค อดีตที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติในรัฐบาลบุช ให้ความเห็นว่าชื่อของโฟลวร์นอย เป็นตัวเลือกรัฐมนตรีกลาโหมที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ เธอมีความใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงหลายคนในเพนตากิน รวมถึงยังมีวิสัยทัศนปรับปรุงกองทัพเพื่อให้สอดรับกับความเชื่อที่ว่าจีนเป็นภัยคุกค้านด้านความมั่นคงในระยะยาวของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญต่อนโยบายด้านการต่างประเทศของรัฐบาลไบเดน

ขณะที่ ส.ว. ดักเวิร์ธ อดีตทหารผ่านศึกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย ซึ่งสูญเสียขาจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ถูกยิงตกในอิรัก แม้จะมีชื่อเป็นตัวเก็งรัฐมนตรีกลาโหม แต่เธอก็เป็นตัวเก็งในตำแหน่งรัฐมนตรีกิจการทหารผ่านศึกเช่นกัน 

ส.ว. ดักเวิร์ธ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกรมกิจการทหารผ่านศึกรัฐอิลลินอยส์ และผู้ช่วยรัฐมนตรีกิจการทหารผ่านศึกในรัฐบาลโอบามา ดูจะมีความเหมาะสมนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกิจการทหารผ่านศึกมากที่สุด แต่นั่นอาจแลกมาด้วยกับการที่เธอต้องลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ก่อนหน้านี้ เธอเคยถูกกล่าวถึงจากสื่อหลายสำนักในฐานะผู้ที่อาจได้รับเลือกเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ท้ายที่สุด ไบเดน ได้เลือก กมลา แฮร์ริส ส.ว.หญิงจากแคลิฟอร์เนีย เป็นคู่ชิง รองปธน.หญิงเชื้อสายเอเชีย-แอฟริกันคนแรกแทน