นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า งบประมาณปี 2564 เป็นการจัดทำงบประมาณแบบแอ๊บนอร์มอล หรือแบบไม่ปกติ เพราะจัดตามกรอบของแผนงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งเป็นแผนงานที่ล้าหลังไม่สามารถที่จะรับมือวิกฤติประเทศเลย ดังนั้นเมื่อยุทธศาสตร์ชาติผิดการจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณก็ผิดไปด้วย เพราะยุทธศาสตร์ชาติ ล็อกตายการพัฒนาประเทศด้วย นอกจากนี้จัดงบกลางไว้สูงถึง 614,616 ล้านบาท ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 15 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้จ่ายงบกลางโดยไม่มีการเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบว่า นำไปใช้อะไรบ้าง
นายวัน กล่าวด้วยว่า การจัดทำงบประมาณควรจะสร้างความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขและความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นหลัก รวมทั้งปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลงโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม ควรปรับลดมากที่สุด 6 ปีที่ผ่านมา กลาโหมมีการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หลายหมื่นล้านบาท อยากถามว่าจะเอาไปรบกับใคร รัฐบาลซื้อ รถถัง เครื่องบิน เรือดำน้ำ ในภาวะเช่นนี้หากนำเงินที่ไปซื้อ อาวุธยุทโธปกรณ์มาช่วยประชาชน จะเกิดประโยชน์มากกว่า
“ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปรับตัวลดลงและแนวโน้มว่าในปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะยังไม่ฟื้นและกระทบต่อการจ้างงาน คาดว่าจะมีคนตกงานมากกว่า 10 ล้านคน ดังนั้นหากรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้จะส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมตามมา รวมทั้งเชื่อว่าอัตราการเกิดคดีอาชญากรรมสูงขึ้นตามาอย่างแน่นอน” นายวัน กล่าว
"ชนก" อัดงบ64 ไม่สะท้อนสถานการณ์ ตรวจสอบยาก
น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กู้เงินไปแล้วมหาศาล ซึ่งสำนักงบประมาณ แจ้งว่าในวันที่ 31 มกราคม 2563 หนี้สาธารณะของประเทศไทยสูงถึง 6.98 ล้านล้านบาท ส่งผลให้คนไทยเป็นหนี้เฉลี่ยคนละประมาณ 100,000 บาท ซึ่งทารกที่เกิดใหม่ก็จะเป็นหนี้ในทันที โดยการจัดทำงบประมาณปี 2564 ของรัฐบาลนั้นเมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้วก็จะพบว่าเป็นการจัดทำงบประมาณที่ไม่สะท้อนสถานการณ์จริง ไม่ได้เป็นการทำงบประมาณแบบ New Normal แต่เป็นแบบ Old Normal โดยเฉพาะขณะนี้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดปัญหาว่างงาน การท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง ไปจนถึงการที่ประชาชนต้องพึ่งพาระบบประกันสุขภาพมากขึ้น แต่การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลไม่ได้สร้างความมั่นคงให้ประชาชนหรือสร้างความเข้มแข็งทางสาธารณสุขเลย กลับจัดสรรเป็นงบกลาง ที่อยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ใช้จ่ายโดยไม่ต้องมีแผนงานและตรวจสอบไม่ได้เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณารายละเอียดของ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ที่รัฐบาลได้จัดทำมา ยังไม่พบว่านโยบายต่างๆ ที่พรรคผู้นำรัฐบาลได้เคยหาเสียงเอาไว้กับประชาชนจะสามารถทำได้ตามที่พูดไว้ ทั้งนโยบายเงินเดือนผู้สูงอายุ การจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีมีบุตร ค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท ไปจนถึงราคายางพารา ราคาข้าว ไปจนถึงราคาอ้อย ซึ่งขณะนี้พี่น้องประชาชนได้ทวงถามถึงนโยบายที่พรรคผู้นำรัฐบาลได้เคยหาเสียงเอาไว้อย่างมาก จนพี่น้องประชาชนต่างตั้งคำถามถึงเรื่องนี้ว่าโกหกกันหรือไม่ ดังนั้นเมื่อได้พิจารณาในรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ฉบับนี้แล้วจึงไม่สามารถรับหลักการได้ เนื่องจากไม่สามารถจัดสรรประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนได้