ไม่พบผลการค้นหา
'พิชัย' นำทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย อัดรัฐบาลปล่อยราคาน้ำมันพุ่ง จวก 'ประยุทธ์' ควรขยัน-ฉลาดแบบ 'ชัชชาติ' บ้าง 'ส.ส.เพื่อไทย' ชี้สลากดิจิทัล กระทบผู้ค้ารายย่อย

วันที่ 7 มิ.ย. 2565 ที่พรรคเพื่อไทย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ พร้อมด้วย เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย และกรรมการบริหารพรรค และ เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวในหัวข้อ 'ปัญหาและทางออกของเศรษฐกิจไทย'

พิชัย กล่าวถึงราคาพลังงานที่พุ่งสูง ทั้งน้ำมัน แก๊สหุงต้ม และไฟฟ้า ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน รัฐบาลควรปรับโครงสร้างราคาเพื่อลดต้นทุน และตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจาต่อรองแหล่งน้ำมันบริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย-เขมร ที่ยังไม่ยอมดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำมันใช้ในราคาที่ถูก เพราะราคาน้ำมันที่ถูกลงจะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศได้

พิชัย ยังเผยว่า เฉพาะในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีเงินไหลออกมากถึง 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงนายกรัฐมนตรี ควรใส่ใจต่อปัญหา เวลานี้เงินทุนสำรองเป็นจุดแข็งจุดเดียวที่ไทยยังมีอยู่ หากส่วนนี้มีปัญหาจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือทางการคลังของประเทศ 

อีกประการที่เป็นผลสืบเนื่องคือ ประเทศไทยอาจเจอการขาดดุลแฝง คือขาดดุลเงินสะพัด และขาดดุลบัญชีการคลังพร้อมกัน ซึ่งเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่รุนแรง หากไม่เร่งหารายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยว อาจก่อให้เกิดการขาดดุลแฝงดังที่กล่าวได้ 

S__32399518.jpg

ทั้งนี้ พิชัย ยังกล่าวถึงปัญหารายได้ของประชาชนลดน้อย สวนทางกับอัตราเงินเฟ้อ ที่เพิ่มไปถึง 7.1% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น พรรคเพื่อไทยเคยเตือนมาตลอด การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะต่ำ เกิดภาวะรายได้ไม่พอกับค่าครองชีพ เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องหาทางแก้ ปัจจุบันแม้มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่มนภาพหลักๆ ยังมีปัญหาอยู่มาก 

"ผมอยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ ขยันทำงาน และฉลาด เหมือนอดีตรัฐมนตรี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผมว่าท่านทำงานทั้งวัน ตื่น 04:00 น. ภาวะเศรษฐกิจของไทยแย่ขนาดนี้ ท่านต้องทำงานเหมือนท่านชัชชาติ ต้องคิดไปข้างหน้า มีแผนระยะสั้นระยะยาวชัดเจน ถ้าท่านทำเช้าชามเย็นชามเหมือนอย่างทุกวันนี้ เจ๊งแน่นอน" พิชัย กล่าว

ด้าน เลิศศักดิ์ กล่าวถึงการขายสลากดิจิทัล ซึ่งทางรัฐบาล ผ่านสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กำหนดราคา 80 บาท จำหน่ายงวดแรก 2 มิ.ย. และได้จำหน่ายหมดแล้ว 5 ล้านใบเศษ ตนขอแสดงความยินดีกับประชาชนที่ได้ซื้อสลากในราคา 80 บาท อย่างสะดวกมากขึ้นทางออนไลน์ แต่ทางพรรคเพื่อไทยมองว่า เป็นเรื่องไม่ผิดคาด เพราะคาดหมายไว้แล้วว่า การค้าสลากออนไลน์ 80 บาท ต้องเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน

S__32399517.jpg

อย่างไรก็ตาม การค้าสลากออนไลน์ กลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออีกหลายกลุ่ม ทั้งผู้ค้าสลากรายย่อยที่ไม่มีโควตาจากสำนักงานสลากฯ หรือผู้ค้าสลากพิการ แม้หลายฝ่ายมองว่าวิธีนี้จะสามารถแก้ปัญหาสลากเกินราคาได้เบ็ดเสร็จ แต่ได้พยายามเลี่ยงมาตลอด เนื่องจากจะกระทบกับผู้ค้าสลากอีกกลุ่ม ตนจึงได้เสนอข้อห่วงใย 3 ข้อ ต่อรัฐบาล ดังนี้

1) จะมีการเพิ่มปริมาณสลากที่จะเอามาขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นอีกหรือไม่ เพราะจะยิ่งส่งผลกระทบกับผู้ค้าสลากรายย่อยที่หาเช้ากินค่ำ ไม่มีโควต้าของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือกลุ่มผู้พิการก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

2) ถามถึงผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากกรณีที่แพลตฟอร์มออนไลน์ถูกกล่าวหาว่ามีการขายสลากเกินราคาจะยึดสลากมาถึง 6 ล้านใบ คิดเป็น 6,000 ราย สำนักงานสลากจะคืนสิทธิ์ให้กับผู้ค้าสลาก 6 พันราย ที่ถูกกล่าวหาว่าขายสลากเกินราคาผ่านแบบฟอร์มออนไลน์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้แพลตฟอร์มออนไลน์ดังกล่าว ศาลได้ตัดสินแล้วว่าไม่สามารถเอาผิดได้ พรรคเพื่อไทยยังมองว่า การกล่าวหาและบุกค้นผู้ประกอบการเช่นนี้ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เป็นความเคยชินที่เคยปฏิบัติในช่วงรัฐบาล คสช. ที่มีมาตรา 44 เป็นเครื่องมือ

3) ขอทวงถามสิทธิซื้อจอง ที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เคยมีข้อสรุปไว้แล้วว่าจะเปิดเพิ่มสิทธิอีก 100,000 ราย ผ่านช่องทางของธนาคารกรุงไทย และเปิดรับสมัครผู้ที่ต้องการได้รับสิทธิซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลไปขายต่อ ซึ่งเป็นผู้ค้าสลากรายย่อย โดยมีผู้แจ้งความจำนงสมัครผ่านเว็บไซต์ถึง 9 แสนราย เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนใดแล้ว และกำลังดำเนินการต่อหรือไม่ เพราะประชาชนผู้ค้าสลากรายย่อยตัวจริงได้คาดหวังจะรับสลากในราคาต้นทุนคือ 70 บาท 40 สตางค์ กำลังรออยู่

ขณะที่ เอกชัย กล่าวถึงปัญหา ปุ๋ยแพง ข้าวเปลือกถูก ทุกข์ของชาวนาและ เกษตรกร ปีนี้ประเทศไทยกำลังจะเปิดประเทศให้การค้าระหว่างประเทศกลับมา ฤดูเพาะปลูกกำลังเริ่มต้นขึ้นในภาคอีสาน ปุ๋ยกำลังเป็นที่ต้องการในอีกไม่นาน แต่ปัจจุบันปุ๋ยยูเรียราคา 1,800 บาทต่อกระสอบ หากไม่สามารถแก้ปัญหาปุ๋ยได้ ผลผลิตทางการเกษตรจะลดลงถึงครึ่ง 

"ถึงแม้จะมีโครงการประกันรายได้ แต่รายได้สุทธิของเกษตรกรไม่ได้เพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ แถมการส่งออกของไทยยังลดลงตกจากอันดับ 1 ของโลกมาเป็นอันดับ 3 ผลผลิตต่อไร่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย สิ่งที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง คือการฟื้นภาคการเกษตรเพราะเกี่ยวข้องกับประชากรมากถึง 1 ใน 3 ของประเทศ ด้วยการแก้ไขปัญหาปัจจัยการผลิต"

เอกชัย ย้ำว่า การผลักดันให้ภาคเศรษฐกิจฟื้นตัว จะช่วยให้ภาคธุรกิจและบริโภคเพิ่มขึ้นเช่นกัน ตนเสนอว่ารัฐบาลควรหาช่องทางติดต่อกับรัฐบาลอื่น โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ต่างๆ หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ไขหรือไม่รู้วิธี ทางพรรคเพื่อไทยพร้อมจะกลับมาแก้ไขให้เอง