นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนลดการเดินทางและอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสินค้าอาหารแห้ง และอาหารสำเร็จรูปที่เก็บไว้ได้นานเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการในช่วงวิกฤตนี้ เนื่องจากใช้เวลาปรุงไม่นาน ราคาไม่แพง หาซื้อง่ายและมีอายุการเก็บรักษายาวนาน อีกทั้งยังมีให้เลือกหลากหลายรสชาติ จึงส่งผลให้ไทยมีการส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) ไทยส่งออกสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้มูลค่า 57.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ11 อาเซียนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 มีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 54.8 ของการส่งออกทั้งหมด โดยไทยส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปอาเซียน มูลค่า 31.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ27.3 มีกัมพูชาเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 มีสัดส่วนถึงร้อยละ 50 ของการส่งออกไปอาเซียน ตามด้วยเมียนมา สปป.ลาว และเวียดนาม มีสัดส่วนร้อยละ 24 , ร้อยละ16 และร้อยละ4 ตามลำดับ ส่วนตลาดส่งออกอันดับ 2 ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 9.2 ตามด้วยสหรัฐฯ ส่วนแบ่งร้อยละ 6.6 ออสเตรเลีย ร้อยละ5.1 และฝรั่งเศสร้อยละ 3.1 ทั้งนี้ เฉพาะปี 2562 ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มบะหมี่แปรรูปสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีน และเกาหลีใต้
นางอรมน กล่าวว่า อาเซียนถือเป็นตลาดส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำคัญที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับนิยมรสชาติอาหารที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ติดอันดับประเทศที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูง 15 อันดับแรกของโลก ส่งผลให้การส่งออกไปอาเซียนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562 ทั้งปี ไทยส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปอาเซียนมูลค่า 119.35 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 และในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา (2552-2562) ไทยส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปอาเซียน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 549 คิดเป็นการเติบโตร้อยละ 55 ต่อปี (ปี 2552 ไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 18.38 ล้านเหรียญสหรัฐ)
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ไทยส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปตลาดอาเซียนได้เพิ่มขึ้น มาจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่เป็นกุญแจสำคัญทำให้สินค้าของไทยขยายการส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ฮ่องกง ชิลี และเปรู ได้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ส่งออกจากไทยแล้ว เหลือเพียงแค่ 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ยังคงภาษีนำเข้าสินค้าบางตัว เช่น กลุ่มพาสต้า บะหมี่แปรรูป และเส้นหมี่แปรรูป
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทย ถือว่ามีศักยภาพและได้มาตรฐาน มีความโดดเด่นเรื่องรสชาติที่หลากหลาย เป็นที่รู้จักและยอมรับของคนทั่วโลก หากผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี จะช่วยให้สินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยขยายส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และควรพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้น่าดึงดูด ควบคู่ไปกับการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงสร้างเอกลักษณ์และความแตกต่างของสินค้าเพื่อยกระดับให้เป็นสินค้าพรีเมียม ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้