ไม่พบผลการค้นหา
“เผ่าภูมิ” มองการใช้กฎหมายบังคับใส่หน้ากากอนามัย ควบคู่ Social Distancing 30-60 วัน เป็นทางออกสกัดเชื้อโควิด-19 ชี้ ต้นทุนทางเศรษฐกิจต่ำกว่าการเคอร์ฟิว

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การชะลอการระบาดของ COVID-19 ว่า ปัจจุบันเราสามารถแบ่งกลุ่มประเทศเรื่องการคุม COVID-19 คร่าวๆออกเป็นสองกลุ่ม 1. ที่คุมอยู่ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงค์โปร์ กับ 2. ที่คุมไม่อยู่ เช่น อเมริกา อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เป็นต้น หลายแนวคิดแบ่งสองกลุ่มนี้โดยคำว่า “ปิดทุกอย่างในประเทศหรือไม่” ซึ่งจริงๆแล้วไม่ถูกต้อง เพราะญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงค์โปร์ ไม่ได้ปิดทุกอย่างในประเทศ แต่คุมอยู่ แล้วอะไรหล่ะที่ทำให้คุมอยู่ ถ้าไม่ใช่การปิดทุกอย่างในประเทศ  

ทั้งนี้ ปัจจัยที่น่าเอาไปศึกษาต่ออย่างยิ่ง คือ กลุ่มที่คุมอยู่ มีวัฒนธรรม กฎหมาย และความระวังอย่างเคร่งครัดในการ “สวมหน้ากากอนามัย” แต่กลุ่มที่คุมไม่อยู่ กลับเห็นหน้ากากอนามันเป็นเรื่องไม่จำเป็น อีกทั้งยังมีความเชื่อที่ว่าไม่ติดไม่ต้องใส่ ฉะนั้นประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่การ “ปิดทุกอย่างในประเทศ” หรือไม่ แต่อาจอยู่ที่การทำให้คนใส่หน้ากากอนามัยโดยเคร่งครัดได้หรือไม่นั่นเอง

"ผมมองว่าหากเราใช้ “กฎหมายบังคับ” ให้ “ทุกคน” เมื่อออกนอกบ้าน 1.ต้องใส่หน้ากาก 2.ต้องใส่แว่น 3.ห้ามทานอาหารร่วมกัน ควบคู่ไปกับ Social Distancing แค่ในช่วง 30-60 วันนี้ ผมมองว่าทำทั้ง 3-4 ข้อนี้ “มนุษย์” ก็แทบจะไม่สามารถ “แพร่เชื้อและติดเชื้อ” ได้ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ต้นทุนทางเศรษฐกิจต่ำกว่าการปิดประเทศทั้งประเทศหรือเคอร์ฟิวอย่างมีนัยสำคัญ" นายเผ่าภูมิ ระบุ

แน่นอนว่าประสิทธิภาพในการปกป้องขึ้นอยู่กับคุณภาพของหน้ากาก ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาลที่จะจัดหาให้ประชาชนอย่างเพียงพอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :