ไม่พบผลการค้นหา
สถานการณ์ P.M.2.5. ในเชียงใหม่เข้าขั้นวิกฤต ฝุ่นหนาทึบมองไม่เห็นยอดดอยสุเทพ ค่ามลพิษพุ่งทะลุเพดานติดอันดับ 1 ของโลกวันนี้ กรมอุตุฯ คาด 12-14 มี.ค. เกิดพายุฤดูร้อน อาจช่วยบรรเทา

12 มี.ค. รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สถานการณ์ปัญหาฝุ่นควัน ไฟป่า และคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงทวีความรุนแรงและค่ามลพิษอากาศสูงเกินมาตรฐานอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยสภาพทั่วทั้งตัวเมืองเชียงใหมาถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันหนาทึบจนไม่สามารถมองเห็นยอดดอยสุเทพได้จากระยะไกลเหมือนปกติ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดทางกายภาพที่บ่งบอกถึงความรุนแรงของสถานการณ์ปัญหามลพิษอากาศได้เป็นอย่างดี และเป็นเช่นนี้ติดต่อกันทุกวันมานานหลายสัปดาห์แล้ว

ทั้งนี้เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 212 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 161.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ซึ่งค่ามลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่อยู่อันดับที่ 1 ของโลก เกือบตลอดทั้งวานนี้และต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ สำหรับ 3 อันดับแรกเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ในช่วงเวลาเดียวกันของวันนี้ ได้แก่ อันดับ 1 เชียงใหม่ ประเทศไทย ดัชนีคุณภาพอากาศ 212 US AQI, อันดับ 2 เมืองโกลกาตา ประเทศอินเดีย 209 US AQI และอันดับ 3 เมืองเดลี ประเทศอินเดีย 184 US AQI

ขณะที่รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่ จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ,ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม,ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้อยู่ที่ 109 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร,97 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 108 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 102 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร,141 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 129 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 219,207,218,212,251 และ 239 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100 ซึ่งภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ว่าที่ผ่านมาทางจังหวัดเชียงใหม่และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะพยายามดำเนินทุกมาตรการเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งสมารถควบคุมจุดความร้อนจากการเผา หรือ HotSpot ในพื้นที่ได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามประสบปัญหาฝุ่นควันที่ถูกพัดพาจากต่างพื้นที่เข้ามาสะสมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค.66 จะเกิดพายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยท่าช่วยคลี่คลายบรรเทาสถานการณ์มลพิษอากาศที่รุนแรงลงได้ในระดับหนึ่ง