ไม่พบผลการค้นหา
‘พิธา’ โต้ ‘ชาดา’ ติงบุคลิกผู้นำ แจงกำลังพยายามอดทนอดกลั้นต่อข้อกล่าวหา สวน ‘ประพันธุ์’ ตนยังมีคุณสมบัติครบถ้วน พร้อมรับกระบวนการตรวจสอบเสมอ ดีกว่าองค์กรอิสระ

วันที่ 13 ก.ค. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นใช้สิทธิชี้แจง ตามที่ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ได้ติติงคุณสมบัติและภาวะผู้นำของตน ตนก็กำลังพัฒนาอยู่เช่นกัน คือพยามยามให้ตนเป็นคนที่ฟังมากกว่าพูด และต้องเป็นรักษาคำพูด เหมือนสโลแกนของพรรคภูมิใจไทยว่า “พูดแล้วทำ” ที่สำคัญผู้นำต้องเป็นผู้นำที่อดทนอดกลั้นต่อข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะจริงหรือไม่

พิธา กล่าวต่อไปว่า จริงอยู่ที่ประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจร่วมกันของ 8 พรรคร่วม เพราะการเสนอกฎหมายต้องเป็นหน้าที่ทางนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นทางออกของปัญหาทุกอย่างในประเทศ ขณะที่การลงสัตยาบันที่ ชาดา กังวลนั้น ไม่ได้เป็นประเด็น เพราะประเทศต่างๆ ที่ปกครองด้วยระบอบเดียวกับไทย ก็ล้วนลงนามทั้งสิ้น

“และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการมีคนพูดว่าใครหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ให้เอาปืนยิงเลย ผมไม่แน่ใจว่า คนที่สูญเสียไปโดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงเมื่อหลายปีก่อน 99 ศพ ที่ราชประสงค์ และย้อนหลังไปถึง 6 ตุลา 14 ตุลา เขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อมีคนอภิปรายในสภาอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วย”

ทั้งนี้ พิธา ยังชี้แจงข้อกล่าวหาของ ประพันธุ์ คูณมี ส.ว. ว่า ตนยังมีคุณสมบัติในการเสนอชื่อเป็นนายกฯ อย่างสมบูรณ์ และตนยังไม่รู้เลยว่าข้อกล่าวหาและข้อสงสัยของ กกต. เป็นอย่างไร ตนยังไม่มีโอกาสชี้แจงเลย พร้อมอ้างการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ จะให้มีศาลเตี้ยในสภาเช่นนี้ไม่ได้

“ผมรัดกุมมาตลอด กับการยื่น ป.ป.ช. และคุณสมบัติทุกครั้ง ตั้งแต่เป็น ส.ส. ครั้งแรกจนถึงครั้งนี้ และครั้งต่อๆ ไป ก็ยังดีกว่าบางคนที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือ ป.ป.ช. ก็ตาม” พิธา กล่าวทิ้งท้าย