ไม่พบผลการค้นหา
'สุรเชษฐ์' โวย รฟม. เบี้ยวนัด กมธ. แจงล็อกสเปคประมูล รฟฟ. สายสีส้ม ส่อเอื้อประโยชน์ BEM ส่วนต่าง 6.8 หมื่นล้านบาท ฉุนทำเสียเวลาต้องนัดประชุมใหม่ ยันเดินหน้าสะสางต่อ

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ กล่าวว่าวันนี้ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้เชิญการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (BTS) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะควบคุมดูแลรัฐวิสาหกิจ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ฯ ในฐานะควบคุมดูแลโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ มาชี้แจงต่อคณะเพิ่มเติม 

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันนี้ ทาง รฟม. ได้ทำหนังสือฉบับด่วนที่สุดขอเลื่อนการพิจารณา โดยให้เหตุผลว่ายังไม่พร้อม เนื่องจากมีข้อมูลมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำการนัดหมายกันไว้แล้ว หากกรณีมีข้อมูลไม่เพียงพอก็สามารถส่งเอกสารตามมาทีหลังได้ หรือถ้ามีความจำเป็นจะนัดประชุมอีกครั้งก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ทำเรียกว่าเบี้ยว สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าการประชุมวันนี้แม้ทาง รฟม. จะขอเลื่อนพิจารณาจะยังคงดำเนินต่อไป เพราะเรื่องดังกล่าวมีประชาชนให้ความสนใจเยอะ อีกทั้งทุกฝ่ายที่นัดหมายก็มากันครบ 


หวั่นแบ่งเค้กเอื้อประโยชน์

สุรเชษฐ์ เล่าย้อนถึงประเด็นดังกล่าวที่ตนได้อภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปี 2564 ช่วงนั้นเป็นช่วงประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบแรก ซึ่งมีบริษัทเอกชนที่ดำเนินกิจการเดินรถไฟฟ้า 2 เจ้าใหญ่ในประเทศไทย คือ BTS และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เข้าร่วมประมูล เหตุการณ์สำคัญคือมีการกีดกัน เปลี่ยนเกณฑ์การให้คะแนนระหว่างการพิจารณากลางอากาศ อย่างมีนัยสำคัญต่อการพลิกผลแพ้ชนะ และนำไปสู่การฟ้องร้องโดย BTS ต่อ รฟม. หลายคดี คดียังคงคาราคาซังอยู่ในศาล แต่ รฟม. กลับเร่งรีบวิธีเปิดประมูลใหม่รอบ 2 โดยที่คดีเดิมข้อสรุปยังไม่ชัดเจน

“หากปล่อยไปแบบนี้ ประเทศชาติจะเสียหาย ถ้ารอบที่แล้ว BTS ชนะ เขาต้องการเงินสนับสนุนจากรัฐบาลประมาณกว่า 9,000 ล้านบาท แต่รอบใหม่ถ้า BEM ชนะ เขาต้องการเงินสนับสนุนจากรัฐบาลประมาณ 80,000 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนต่างราว 68,000 ล้านบาท หายไปไหน นั่นคือกำไรส่วนเกินที่ทาง BEM จะได้ไป ส่วนหลังจากนั้นจะแบ่งต่อไปยังนักการเมืองคนใด รัฐมนตรีคนใด พรรคการเมืองใดนั้น เราไม่ทราบ แต่ที่ทราบคือทำแบบนี้ประเทศจะเสียหาย” 

สุรเชษฐ์ กล่าวย้ำว่า วันนี้ต้องการให้ รฟม.เข้ามาชี้แจงว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่าง มีการกีดกันจริงหรือไม่ หรือ BTS ไม่ยื่นเอง และตัวเลขความเสียหายของรัฐบาลจริงๆ คือเท่าใดแน่

“ถ้าเป็นแบบนี้ เราคงต้องเดินต่อไปเพื่อตั้งคำถามไว้ และ รฟม. ต้องตอบให้ได้ในรายละเอียด มีความจำเป็นต้องนัดประชุมอีกครั้ง แต่แน่นอนมันเสียเวลาของกรรมาธิการฯ แทนที่จะได้พิจารณาเรื่องอื่น” สุรเชษฐ์ กล่าว