แอมะซอน, เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ และเจพี มอร์แกน เชส บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศร่วมกันก่อตั้งบริษัทด้านการแพทย์ ซึ่งเปิดตัวว่าเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถปฏิรูประบบการประกันสุขภาพได้ พวกเขาก็จะทำเอง และพวกเขาต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานในบริษัทพวกเขา ด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล พนักงานจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทนี้มากนัก แต่หลายคนก็มองว่า บริษัทนี้อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มาก เนื่องจากทั้ง 3 บริษัทค่อนข้างมีอิทธิพลในการต่อรองราคากับผู้ผลิตและผู้ให้บริการได้มาก
นอกจากนี้ ผู้ที่น่าจะได้ประโยชน์จากการเข้ามาจับเรื่องการประกันสุขภาพน่าจะเป็นแอมะซอน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่า คณะกรรมการด้านเภสัชกรรมในหลายมลรัฐได้อนุญาตให้แอมะซอนเป็นผู้ขายส่งยารักษาโรคได้แล้ว ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้แอมะซอนสามารถขายส่งยารักษาโรคได้
โฆษกของแอมะซอน บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของโลกอธิบายว่า แอมะซอนจะทำให้การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการระหว่างผู้ผลิตและให้บริการทาง การแพทย์กับลูกค้าเป็นเรื่องซับซ้อนน้อยลงและลดค่าใช้จ่าย เพราะจะมีการจัดการอย่างเป็นระบบ เนื่องจากปัจจุบัน โรงพยาบาลใหญ่มักย้ายการรักษาและดูแลผู้ป่วยนอกไปอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น แต่ระบบจัดการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์และยายังคงเป็นแบบรวมศูนย์จากบริษัทไป ยังโรงพยาบาลใหญ่ก่อน ทำให้สต็อกสินค้าไม่เพียงพอ แอมะซอนจึงต้องการเสนอวิธีการใหม่ในการขนส่งสินค้าด้านการแพทย์ไปตามพื้นที่ต่างๆ นอกเหนือจากโรงพยาบาล
อีกทั้ง แอมะซอนยังได้พูดคุยกับโรงพยาบาลใหญ่ๆ หลายแห่งในสหรัฐฯ เพื่อขายอุปกรณ์การแพทย์ตั้งแต่ถุงมือยาง ผ้าพันแผล ไหมเย็บแผล และอุปกรณ์การแพทย์อื่นให้กับโรงพยาบาลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยโครงการนำร่องของแอมะซอนทำให้ผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบราคาระหว่างตัวแทน จำหน่ายเดิมที่เคยซื้อกับตัวแทนจำหน่ายที่เป็นพาร์ทเนอร์กับแอมะซอนได้ตลอดเวลาด้วย
หากแอมะซอนทำให้การเติมสต็อกสินค้าทางการแพทย์เป็นเรื่องสะดวกขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ง่ายและการขนส่งที่รวดเร็ว แอมะซอนก็อาจกลายมาเป็นผู้เล่นสำคัญในวงการสาธารณสุขได้ และเมื่อแอมะซอนมีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจนี้มากขึ้น แอมะซอนก็อาจขายยาที่มีราคาแพงขึ้นและเครื่องมือการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งมีข้อบังคับที่ซับซ้อนขึ้นได้ด้วย
