นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีการชี้แจงว่าการยืมนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นการยืมใช้คงรูป จึงไม่ต้องแจ้งในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า การให้แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความโปร่งใสป้องกันการทุจริต และจะเป็นเครื่องมือหรือมาตรการเสริมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพราะคนที่จะกระทำการทุจริตนั้นต้องการทรัพย์สินเงินทองเป็นหลัก
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ในบทบัญญัติของกฎหมายของป.ป.ช.ในการตรวจสอบทรัพย์สินนั้น ป.ป.ช.ตรวจสอบความถูกต้องและการมีอยู่จริงของทรัพย์สินเพื่อพิจารณาว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแสดงความโปร่งใสหรือไม่ ปัจจุบันกฎหหายใหม่ได้มีการเพิ่มองค์ประกอบความผิดว่า ไม่ใช่แค่การยื่นเท็จหรือปกปิดเท่านั้น แต่จะต้องมีเจตนาที่ไม่แสดงที่มาของรายการทรัพย์สิน และจะตรวจสอบว่าระหว่างดำรงตำแหน่งมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ การดำเนินการของป.ป.ช.ได้มีการกำหนดแบบฟอร์มให้ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งมีรายการทรัพย์สิน 9 ประเภทและรายการหนี้สิน 4 ประเภท
"เมื่อมีปัญหาขึ้นมาป.ป.ช.จะเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องและการมีอยู่จริง โดยจะพิจารณาทั้งข้อเท็จจริง พยานหลักฐานและข้อกฎหมาย ดังนั้น การพิจารณาคดีใดคดีหนึ่งรายละเอียดข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องอาจจะไม่เหมือนกัน เช่น เรื่องที่ผ่านมาในกรณีอดีตข้าราชการระดับสูงรายหนึ่งไปยืมรถของเพื่อนมาและไม่แจ้ง. ป.ป.ช.เข้าไปตรวจสอบก็พบว่าไม่ใช่เรื่องยืม แต่เป็นรถที่เขาได้มาเองและปกปิดไม่แจ้ง หรือ บางกรณีก็ตรวจสอบพยานหลักฐานและรับฟังยุติว่าเป็นเรื่องยืมกันจริงๆ เราก็มาดูข้อกฎหมายว่าการแสดงรายการทรัพย์สินหนี้สิน ให้แสดงรายการทรัพย์สินที่เป็นของตนเองไม่ใช่ทรัพย์สินของคนอื่น ข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องก็เป็นรายละเอียดของแต่ละเรื่อง ไม่ใช่ว่าเราตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปแล้วจะเป็นบรรทัดฐานในเรื่องอื่นๆ" นายวรวิทย์ กล่าว
เลขาธิการป.ป.ช.กล่าวอีกว่า สำหรับข้อห่วงใยจากผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ นั้นป.ป.ช.จะรับไว้เพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่อไป การทำงานของป.ป.ช.เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมาย การทำงานจึงต้องยึดหลักกฎหมายและพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่า กรณีนี้เป็นช่องโหว่หรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า "ยังไม่ถึงกับช่องโหว่ เพราะทั้งหมดต้องบอกว่าวัตถุประสงค์ของการยื่นรายการทรัพย์สินและหนี้สินต้องการสร้างความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต เราก็ไปตรวจสอบดูเป็นเรื่องๆ ไป"
เมื่อถามว่า กรณีนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่นมาอ้างเช่นกันเพื่อที่จะไม่แจ้งต่อป.ป.ช. นายวรวิทย์ กล่าวว่า "ไม่ห่วงครับ เพราะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไป"
อ่านเพิ่มเติม