นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ ( 30ม.ค.61) เห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับนักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (สตาร์ทอัพ) ที่ได้จ่ายเงินลงทุนในหุ้นเพื่อจัดตั้ง หรือเป็นเงินลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทสตาร์ทอัพ โดยให้นำเงินลงทุนนั้นมาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการตั้งบริษัทสตาร์ทอัพในประเทศไทยเพิ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้สิทธิประโยชน์ในการจัดตั้งบริษัทไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ครอบคลุมไปถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบุคคลธรรมดาที่เป็นนักลงทุน

ทั้งนี้ผู้ที่จะได้รับสิทธิดังกล่าว ต้องเป็นผู้ที่มีเงินได้ที่ถือหุ้นในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นสตาร์ทอัพ ไม่น้อยกว่า 2 ปี ต่อเนื่องกัน นับตั้งแต่วันที่ลงทุนในหุ้นนั้น เว้นแต่กรณีที่เป็นทุพลภาพหรือตาย ซึ่งเงินที่ได้ลงทุนไปจำนวนไม่เกิน 100,000 บาทนั้น จะเป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี เฉพาะที่จ่ายไปในระหว่างวันที่ 1 ม.ค.61 – 31 ธ.ค.62

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลให้กับผู้ที่บริจาคเงินให้กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม 4 กองทุน คือ กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กองทุนสนับสนุนการวิจัย กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 62 มาหักลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค