ต่างประเทศ
ใครว่าคาบสมุทรเกาหลีสงบ เมื่อศึกล่าหมึกระหว่างเกาหลีเหนือ-ญี่ปุ่นเพิ่งจะเริ่ม
เจแปนไทม์สระบุว่า แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะประกาศว่าเกาหลีเหนือไม่ถือเป็นภัยคุกคามในคาบสมุทรเกาหลีอีกต่อไป หลังจากที่ทรัมป์ได้พบกับคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่สำหรับชาวประมงญี่ปุ่นที่เพิ่งจัดพิธีเปิดขบวนเรือล่าหมึกไปเมื่อต้นเดือน มิ.ย. ยังคงต้องเผชิญกับเรือประมงเกาหลีเหนือที่รุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น และเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันขึ้น
เจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนชายฝั่งของญี่ปุ่น เผยกับผู้สื่อข่าวของเจแปนไทม์สว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นมา มีเรือเกาหลีเหนือรุกล้ำเข้ามาจับหมึกในน่านน้ำทะเลเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่นแล้ว 112 ลำ โดยมีเรือที่แข็งขืนไม่ยอมไปพ้นจากน่านน้ำตามคำเตือน เจ้าหน้าที่จึงต้องฉีดน้ำไล่อีกประมาณ 19 ลำ
ขณะที่ ชิเงรุ ไซโตะ ชาวประมงนักล่าหมึกจากเมืองซากะตะ จังหวัดยามากาตะของญี่ปุ่น ระบุว่า เรือประมงเกาหลีเหนือมีขนาดเล็กและเก่า ทำให้เรือประมงญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่ามองไม่เห็น อาจเกิดเหตุเฉี่ยวชนหรือปะทะกันจนเกิดความเสียหายได้
ด้านซาโทรุ มิยาโมโตะ ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซกักคุอินในจังหวัดไซตามะ ระบุว่า เรือประมงเกาหลีเหนือถูกกดดันจากรัฐบาลของตัวเองให้เพิ่มปริมาณการจับสัตว์น้ำ เนื่องจากเกาหลีเหนือขาดความมั่นคงทางอาหาร กระทบต่อร้อยละ 70 ของประชากรที่มีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 25 ล้านคน ทำให้เรือเกาหลีเหนือหลายลำรุกล้ำเข้าไปในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะเพิ่มขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
ศาสตราจารย์มิยาโมโตะคาดว่าปีนี้เรือประมงจากเกาหลีเหนือจะยังคงรุกล้ำน่านน้ำทะเลของญี่ปุ่นเช่นเดิม โดยเขาระบุว่า นักการเมืองอาจเชื่อมั่นในการเจรจากับผู้นำคิมจองอึน แต่เขามองว่า ผู้นำอย่างคิมจองอึนนั้นเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศเดียวที่ประสบปัญหาเรื่องการจับหมึก เพราะโคเรียบิซไวร์ สื่อของเกาหลีใต้ รายงานว่า ชาวประมงเกาหลีใต้จับหมึกในทะเลตะวันออก หรือทะเลญี่ปุ่นได้น้อยลงเรื่อยๆ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
โคเรียบิซไวร์รายงานว่าเมื่อปี 2539 ชาวประมงเกาหลีใต้จับหมึกได้ราว 252,618 ตัน แต่ปีที่ผ่านมา จับหมึกได้เพียง 87,024 ตัน โดยมีเหตุผลสำคัญคือเรือประมงจากจีนลักลอบเข้ามาจับหมึกในน่านน้ำทะเลดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
ที่มา: Japan Times/ Korea Bizwire
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
