นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 4) ประจำปี พ.ศ. 2568 เมื่อวันที่ (29 ม.ค. 2568) โดยมี นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง
ในการประชุมวันนี้ นายพีรพล กนกวลัย สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตพญาไท ได้ยื่นกระทู้ถามสด เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร กรณีที่มีการจับกุมนายช่างโยธา โดยกล่าวว่า ปัญหาการขอใบอนุญาตก่อสร้างเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานแล้ว และเชื่อว่าฝ่ายบริหารเองก็คิดที่จะแก้ไข แต่ยังพบปัญหาการได้รับใบอนุญาตล่าช้า ตลอดจนการเรียกรับผลประโยชน์ จึงขอถามว่ามีแนวทางที่จะทำให้การขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารเป็นไปตามกฎและระเบียบที่มีอยู่หรือไม่ มีวิธีแก้ไขปัญหาเรื้อรังอย่างไร รวมถึงมีการควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามระเบียบหรือไม่
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องการทุจริต ความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร เป็นปัญหาที่กัดกร่อนความไว้วางใจของประชาชนเป็นอย่างมาก และเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการแก้ปัญหา ซึ่งมีปัจจัยหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การใช้วิจารณญาณ ข้อกฎหมายที่ล้าสมัยทำให้เกิดช่องโหว่ในการเรียกผลประโยชน์ มีการดึงเรื่องหรือขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งวิธีการดำเนินการมี 3 แนวทาง คือ
1. ใช้เทคโนโลยีมาดำเนินการให้มากขึ้น ลดการเจอหน้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ขออนุญาต ซึ่งจะทำให้ลดการใช้วิจารณาญาณและการเรียกรับผลประโยชน์ได้ เช่นเดียวกับการยื่นภาษีออนไลน์ ปัจจุบันเราจึงเน้นเรื่องการขอใบอนุญาตออนไลน์ให้เยอะขึ้น รับเอกสารแบบดิจิทัลแทน มีการสร้างแรงจูงใจ คือยื่นออนไลน์จะดำเนินการได้เร็วขึ้น จาก 45 วัน เหลือเพียง 15 วัน
2. กฎระเบียบที่ล้าสมัยและมีช่องโหว่ต้องปรับปรุงให้ทันสมัย ต้องมีการสังคยานากฎระเบียบเกี่ยวกับการควบคุมอาคารในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กทม. เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้จุดนี้เรียกรับผลประโยชน์ โดยเรื่องนี้ได้ให้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยดูแลและพัฒนาปรับปรุงกฎหมายส่วนนี้อยู่
3. ต้องเอาจริงเอาจังกับการทุจริต หากรู้ว่ามีเรื่องอะไรก็ต้องรีบจัดการ กรณีที่มีการจับกุมเจ้าหน้าที่โยธาเขตพระโขนง เราเองก็ได้ประสานความร่วมมือกับ ป.ป.ช. ป.ป.ท. ในการจับกุม เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับเจ้าหน้าที่รายอื่น ซึ่งได้เน้นย้ำตลอดว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะมีผลกระทบไม่เพียงแค่ตัวเอง แต่รวมไปถึงครอบครัว โดยได้พยายามเตือนใจ และใช้ความจริงจังนี้เป็นตัวช่วยให้เกิดความเกรงกลัวเพื่อไม่ให้กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ ส.ก. เขตพญาไท ยังได้กล่าวถึงเรื่องสืบเนื่องจากการประชุมสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 ม.ค. 68) กรณีที่มีอาคารที่ก่อสร้างตรงข้ามกระทรวงการคลังได้ก่อสร้างกำแพงติดกับเสาไฟฟ้าทำให้ไม่เหลือพื้นที่ทางเท้า ประชาชนต้องลงเดินบนถนน ซึ่งรองผู้ว่าฯ วิศณุ ได้มีการชี้แจงไปแล้วว่าหมุดของที่ดินตามโฉนดนั้นอยู่บนถนน และสำนักงานเขตได้ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบแล้วพบว่าพื้นที่เดิมไม่มีทางเท้า โดยสำนักงานเขตได้ขอสงวนที่ดินบางส่วนไว้เพื่อทำเป็นทางเท้าแล้วโดยมีความกว้างประมาณ 29-60 เซนติเมตร โดยถามว่า ทางฝ่ายบริหารจะยังยืนยันหรือไม่ว่าการก่อสร้างดังกล่าวไม่ผิดกฎหมายในเรื่องของระยะร่น
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้จะให้ผู้รับผิดชอบลงไปตรวจสอบอีกครั้งโดยลงพื้นที่ร่วมกับทาง ส.ก. ด้วย เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายและเกิดความชัดเจนมากที่สุด