ที่ประชุมพรรคภูมิใจไทย มีมติเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง และ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรค รองหัวหน้าพรรค 4 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี, นายบุญลือ ประเสริฐโสภา, นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส่วนตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค 2 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วย นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ และนายรังสิกร ทิมาตฤกะ กรรมการบริหารพรรค ประกอบไปด้วย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม และ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ทำตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้กับประชาชน จนแล้วเสร็จ ยืนยันพรรคภูมิใจไทย พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และพร้อมที่จะนำความคิดเห็นนั้นไปดำเนินการให้ถูกต้อง หากเป็นไปตามกฏหมายที่ได้กำหนดไว้
เช่นเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน นำไปสู่การปฏิรูปทางการเมือง ซึ่งเห็นด้วยหากจะต้องแก้ไขกฏหมาย แต่ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอน หากจะบอกว่าต้องยุบสภาก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่มีการเปลื่ยนแปลงสิ่งไหนเลย เรื่องนี้เห็นว่าจะเป็นการเสียงบประมาณและเสียเวลา ดังนั้นทุกอย่างจะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องมีการตั้ง สสร.มารับฟังความคิดเห็นจากประชาชน แล้วยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน สิ่งนี้จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
นายอนุทิน ยังกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับ 2 ในรัฐบาล และเป็นพรรคอันดับ 3 ในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับมอบหมายให้ดูกระทรวงสำคัญหลายกระทรวงผลักดันนโยบายต่างๆ อาทิ กระทรวงคมนาคม ผลักดันโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อให้การคมนาคมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยงบประมาณที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วย พรรคภูมิใจไทยได้กำกับการใช้งบประมาณทุกบาทไม่ให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้มีการปลูกยางพารา เพื่อนำมาใช้ทำแบริเออร์ เป็นการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ การทำงานทุกอย่างของพรรคภูมิใจไทยมีเป้าหมายเดียวคือ ประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวอีกว่า สำหรับการทำงานในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข แม้จะเจอสถานกาณ์โรคโควิด - 19 ก็พยายามสร้างมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมโรค จนขณะนี้ไม่มีการติดเชื้อในประเทศมากว่า 2 เดือนแล้ว และไม่มีผู้ป่วยที่อาการหนักแล้ว มีเพียงการรักษาผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเท่านั้น ไทยถือว่าได้รับความร่วมมือจากประชาชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นอย่างดี จนได้รับคำชมเชย และจัดอันดับอยู่ในลำดับต้นๆจากนานาประเทศ ประเทศไทยเราเอาอยู่แน่นอน และเราต้องเข้าถึงวัคซีนในการรักษาโรคนี้อย่างแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม