นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันหลักการว่าต้องรักษาพื้นที่ ส.ป.ก. โดยที่ดิน ส.ป.ก. 40 ล้านไร่ต้องใช้เพื่อการเกษตร และผู้ที่ใช้ต้องเป็นเกษตรกรเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังต้องการแนวทางในการแก้ไขปัญหากรณีผู้ได้รับ ส.ป.ก.ไม่อยากเป็นเกษตรกรต่อ และแอบนำไปขาย โดยเสนอให้สามารถโอนสิทธิได้ และการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ที่ได้รับมรดก แต่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้สมบูรณ์ เพราะไม่ใช่เกษตรกร
โดยพรรคเพื่อไทยมีแนวทางให้ที่ดิน ส.ป.ก. สามารถถ่ายโอนได้ระหว่างเกษตรกรด้วยกัน ในประเภทเช่าซื้อ หรือพื้นที่ที่กรมป่าไม้มอบให้ โดยการถ่ายโอนนั้นต้องทำผ่านธนาคารที่ดิน ส.ป.ก. โดยจะมีการจัดตั้งธนาคารที่ดิน ส.ป.ก. ผ่านการแก้ไขปรับปรุงมาตรา 9 และมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินฯ ซึ่งการถ่ายโอนทุกครั้งจะเกิดเป็นรายได้ให้กับประชาชน
ขณะเดียวกัน ยังจะต้องปรับปรุงกฎหมายเรื่องของการคืนที่ดินที่ได้รับเข้าไปสู่ธนาคารที่ดิน ส.ป.ก. ผ่านการแก้ไขมาตรา 39 ใน พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินฯ รวมถึงเพิ่มเติมคำนิยามในกฎหมายเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาเป็นเกษตรกรให้กว้างมากขึ้น และที่ดินของ ส.ป.ก.จะสามารถนำไปขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ได้
ส่วนพื้นที่ ส.ป.ก.ที่ได้รับจากกรมป่าไม้และประกาศเขตคลุมไว้ และในภายหลังได้พัฒนาเป็นเมือง ส.ป.ก.ไม่สามารถจัดการได้ หรือไม่เหมาะสมที่จะทำการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้น ให้ใช้มติ ครม.กำหนดนโยบายกันพื้นที่ออกจากเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และนำเข้าสู่ระบบป่าจำแนก เพื่อจำแนกเป็นป่าถาวร ที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ราชการ
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ในฐานะอดีตเลขาธิการ สปก. และอดีตอธิบดีกรมป่าไม้ มองว่า นโยบายแปลงที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนด หรือ ;โฉนดทองคำ' นั้น เป็นนโยบายที่เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ จะส่งผลให้พื้นที่ทางการเกษตรลดลง ซึ่งพรรคเพื่อไทยยอมในเรื่องนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอนี้สามารถทำได้จริง