จากรายงานข่าวดิจิทัล 2566 จัดทำโดย สถาบันรอยเตอร์สแห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ ระบุว่า คนทั่วโลกที่มีความสนใจและกะตือรือร้นในการติดตามข่าวสารมีอยู่ราว 48% ซึ่งลดลงจากตัวเลข 63% ในปี 2560 หรือหกปีที่ผ่านมา โดยกว่า 1 ใน 3 ของผู้คน เปิดเผยว่า พวกเขาหลีกเลี่ยงการเสพข่าวในบางครั้งหรือบ่อยครั้ง
โดยมีหลักฐานชี้ว่า ผู้รับสารเลือกที่จะหลีกเลี่ยงข่าวสารสำคัญอย่าง สงครามยูเครน และวิกฤตค่าครองชีพ เพราะต้องการลดการเสพข่าวน่าหดหู่ และเพื่อปกป้องสุขภาพจิตตัวเอง
ข้อสรุปในรายงาน ระบุด้วยว่า การรับข่าวสารผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิม กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคออนไลน์เข้าถึงข่าวน้อยลงกว่าในอดีตและมีความสนใจติดตามข่าวน้อยลง
สำหรับสื่อออนไลน์ Facebook ยังครองแชมป์แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่สำคัญที่สุดในการติดตามข่าว แม้ความนิยมจะลดลงในระยะยาว เห็นได้จากจำนวนการเข้าถึงข่าวสารในแต่ละสัปดาห์ที่ลดลงจาก 42% มาที่ระดับ 28% ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี การปรับอัลกอริทึมของ Facebook ทำให้ข่าวถูกลดลำดับความสำคัญลง โดยข่าวที่ปรากฏบนหน้าฟีดมีน้อยกว่า 3% ส่งผลกระทบรุนแรงต่อยอดการเข้าถึงหน้าแฟนเพจของบางองค์กร
การกดไลก์ แชร์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาข่าวบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบเปิดก็ลดลงเช่นกัน เพราะผู้ใช้งานรู้สึกว่า บทสนทนาบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ Twitter เป็นพิษมากขึ้น
ขณะที่ TikTok และ Instagram พบว่ามีการใช้งานเพิ่มขึ้น โดยในปัจจุบัน Instagram เป็นแหล่งติดตามข่าวสารของคนราว 14% ตามมาด้วย TikTok อยู่ที่ 6%
ทั้งนี้ ตัวเลขเหล่านี้สูงกว่ามากในหมู่ผู้ใช้งานอายุน้อย โดยราว 20% ของผู้ใช้งานอายุ 18 - 24 ปีรับข่าวสารผ่าน TikTok เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว โดย TikTok เป็นโซเชียลมีเดียที่เติบโตเร็วที่สุดจากการสำรวจ
ที่มา : BBC