องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกของสหประชาชาติเตือนว่า มีโอกาสร้อยละ 75-80 ที่จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญระดับต่ำในช่วง 3 เดือนข้างหน้า แม้ผู้เชี่ยวชาญจะคาดการณ์ว่าเอลนีโญรอบนี้จะไม่รุนแรงเท่ากับช่วงปี 2015-2016 แต่สภาพอากาศแปรปรวนอาจเป็นอันตรายกับพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติอยู่แล้วทั่วโลก

เอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงทั่วโลก

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า สถานการณ์เอลนีโญที่รุนแรงที่สุดในรอบนี้จะทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลเฉลี่ยสูงกว่าปกติ 1.2 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มีฝนตก และอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงในหลายพื้นที่ในสหรัฐฯ และยุโรป และอาจเกิดภาวะน้ำแล้งและอากาศแห้งในประเทศแถบแคริบเบียนและทางตอนใต้ของแอฟริกา

สภาพอากาศแปรปรวนจะส่งผลกระทบอย่างมากกับภาคเกษตรกรรมและความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงการจัดกาาแหล่งน้ำและสาธารณสุข และเอลนีโญที่มสพน้อมกับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่เป็นปัญหาระยะยาว จะยิ่งทำให้อุณหภูมิโลกในปี 2019 สูงขึ้น

เอลนีโญครั้งก่อนสิ้นสุดลงเมื่อปี 2016 และเอลนีโญครั้งนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติหลายเหตุการณ์ รวมถึง ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกรทแบริเออร์รีฟ ที่เกิดจากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเกิดเอลนีโญมาตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่า โอกาสที่จะเกิดเอลนีโญเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นไปแตะเอลนีโญระดับต่ำแล้วในบางพื้นที่ของเขตร้อนชื้นในมหาสมุทรแปซิฟิก แม้รูปแบบชั่นบรรยากาศที่ทำให้เกิดสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจะยังไม่เกิด แต่กรมอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐฯ และออสเตรเลียได้เตือนเอนีโญที่จะมาถึงแล้ว ขณะที่กรมชลประทานของไทยประกาศขอความร่วมมือผู้ใช้น้ำ จัดรอบเวรสูบน้ำและการใช้น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลดภาวะเสี่ยงขาดน้ำในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ

ที่มา : The Independent

Photo by Billy Berg on Unsplash

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• เตรียมรับมือปรากฏการณ์ 'เอลนีโญ' กรมชลฯ แนะเกษตรกรจัดเวรสูบน้ำ