เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ถึงความคืบหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า วันที่ 10 พ.ย.นี้ รู้เรื่องทุกอย่าง อย่างที่เรียนแล้ว ไม่ได้ไปว่าใครที่ไปพูดอะไรทั้งสิ้น วันนี้การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ 10 พ.ย.นี้จะรู้ที่มาที่ไปทุกอย่าง มีขั้นตอน ไทม์ไลน์ กฎกติกาที่ชัดเจน และต้องให้เกียรติคณะกรรมการด้วย ซึ่งตนอยากให้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะเดี๋ยวจะเกิดความสับสน เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องสำคัญอาจจะมีความเห็นต่างบ้าง แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ลักษณะ ขอบเขตหรือปริมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไร อย่างไร ก็ต้องมาพูดคุยกัน ยืนยันตลอดเวลาว่าหากใครมีข้อเสนอแนะก็รับฟังตลอด และการรับฟังก็ไม่ใช่การรับฟังเฉยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายนี้ดูเหมือนจะเป็นการเดิมพันฝีมือก้าวต่อไปของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย เศรษฐากล่าวว่า ตนคิดว่าให้ประชาชนเป็นคนตัดสินจะดีกว่า ทุกนโยบายสำคัญ และกรณีที่สื่อบางสำนักได้ทำโพลสำรวจมา เห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นสิ่งสำคัญ ดิจิทัลวอลเล็ตก็เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ยังมีเรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งตนก็ได้ประชุมไปแล้วโดยเรียกอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาหารือ และตนก็เป็นรมว.คลังด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ รวมไปถึง 30 บาทรักษาทุกโรคก็สำคัญ ทุกเรื่องเป็นเดิมพันหมด แม้แต่เรื่องการบริหารจัดการน้ำ เพราะเกษตรกร 30-40 ล้านคนรอเรื่องนี้อยู่ ภาคอุตสาหกรรมและ EEC ก็เป็นเดิมพันด้วย ไม่มีเรื่องอะไรที่ตนจะด้อยค่า ต้องทำเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง
"วันนี้คุณจุลพันธ์ (อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง) ก็ทำงานหนัก แต่เวลามีไมค์มาจ่อปากท่านก็ต้องตอบ แต่ก็เป็นเรื่องที่เราอยู่ระหว่างการทำงาน ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง พูดวันนี้อย่าง แต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยน แต่มาหาว่าท่านพูดกลับไปกลับมามันไม่ใช่ เพราะมันอยู่ระหว่างการคุย เวลาไปคุยกับแบงค์ชาติเขามีข้อเสนอกลับมา ก็กลับมาบอก เมื่อสื่อเอาไมค์จ่อปากเขาก็พูดว่ารับฟังแบงค์ชาติรับฟังสภาพัฒน์ฯ ก็มาบอกว่าพูดจาไม่รู้เรื่อง"
เศรษฐากล่าวต่อว่า เมื่อมีคำเตือนมาตนก็รับฟัง สื่ออาวุโสหลายท่านก็เตือนมา ผู้ว่าฯ แบงค์ชาติก็บอกไม่ได้ติดอะไรแต่ให้ระวังในเรื่องนี้ ให้เขียนภาพระยะยาว เวลาที่ออกมาแล้วจะกระทบกับเศรษฐกิจในเชิงบวกอย่างไร รวมถึงการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ดังนั้นเวลาที่จะแถลงก็ต้องแถลงให้ครบทั้งหมด เวลามีคำถามอะไรตนจะได้ตอบได้ แต่ก็เห็นใจนายจุลพันธ์ ทำงานหนักมากในฐานะที่ดูแลเรื่องนี้และไปคุยกับทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันก็ยังมีคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้วย ที่เราได้หาเสียงและพูดอะไรไปก็ต้องไปปรึกษา เมื่อมีข้อคิดเห็นมาเราก็ต้องฟัง
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมาจากนักธุรกิจประชาชนก็คาดหวังสูงในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้น นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจแบบนั้นหรือไม่ว่าภายในกี่เดือนประชาชนจะยิ้มอย่างมีความสุข เศรษฐากล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ความตั้งใจของตนอยากให้ยิ้มทุกวัน อยากให้ยิ้มเร็วๆ ตนกระตือรือร้นมีความอยากจะทำ แต่ไม่ได้หมายว่าจะทำไม่ได้ นิสัยของตนไม่ใช่คนแบบนั้น อยากทำให้ได้ ทุกคนก็รู้ดี มันไม่ได้อยู่ที่ตนคนเดียว ยังมีปัญหาต่างๆ เข้ามาและมีปัจจัยภายนอกรุมเร้าเยอะ
เมื่อถามว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเดินหน้าต้องระวัง ถอยหลังก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าพูดอย่างนั้นก็หมายความว่าตนมีความคิดที่จะถอยหลัง ตนไม่ได้คิดจะถอยหลังเลย ฉะนั้นจะต้องทำและต้องทำออกไปให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องตามกฏหมายที่สุด ให้คนได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งสาธารณชนต้องเข้าใจด้วยว่าระบบนี้ วิธีการนี้ ไม่มีการคอร์รัปชัน ในเชิงปฏิบัติ ส่วนแอปพลิเคชันเป๋าตังมีส่วนร่วมแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของการให้ความสะดวกและง่ายกับประชาชน ส่วนการกำหนดพื้นที่การใช้ หรือการระบุให้ถอนใช้เป็นเงินสด แล้วไปใช้ที่จังหวัดอื่น ตนบอกว่าไม่ได้ อย่างที่จ.เชียงใหม่หรือกทม. เมืองเหล่านี้มันเขียวอยู่แล้ว ตนอยากให้ไปใช้ในเมืองที่มีจีดีพีรายได้ต่อหัวต่ำ อยากให้หญ้าพื้นที่ตรงนั้นเขียว ก็จะทำให้ชุมชนและเศรษฐกิจพื้นที่เหล่านั้นเฟื่องฟูลืมตาอ้าปากได้ ส่วนที่มีการบอกว่าให้ไปซื้อของออนไลน์ได้นั่น ตนตอบไม่ได้หมดตรงนี้
เศรษฐา กล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ พวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้มีความรู้ต่างๆ มากมายที่ให้คำแนะนำ ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องรับฟังทุกส่วนและเป็นคนตัดสินว่าตรงไหนมีความเหมาะสมมากที่สุด ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไม่ทำ ไม่รับฟังหรือดื้อที่จะทำ เรื่องนี้ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่คณิตศาสตร์เพราะคณิตศาสตร์ 1 + 1 เป็น 2 ส่วนเศรษฐศาสตร์เขามีมุมมองแต่ละคน อย่างที่คุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เราคุยกันแบบผู้ใหญ่ คุยกันด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน ถามว่าเห็นตรงกันทุกเรื่องไหมก็ไม่ใช่ แต่เราคุยกันด้วยดีและมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน สำคัญที่สุดต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน วันนี้ประชาชนเดือดร้อนกันมาก และไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าจีดีพีเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.8% มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขตรงนี้และทำให้และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า เรามาวันนี้ มาตรงนี้เพื่อที่จะทำ ซึ่งเรื่องความยุติธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารจัดการปัญหาเหล่านี้ต้องไม่ให้สังคมมีข้อกังขา พยายามทำให้ดีที่สุด วันเสาร์อาทิตย์รัฐมนตรีหลายท่านก็ทำงาน ไม่มีที่จะไม่เห็นความสำคัญเรื่องเหล่านี้
เมื่อถามว่านายกฯ ทำงานไม่เหน็ดไม่เหนื่อยอย่างที่เคยระบุไว้ใช่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า “ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย อาสาเข้ามาแล้วก็ต้องทำ ถ้าเหนื่อยก็พัก ไม่เป็นไร”เคาะ