ไม่พบผลการค้นหา
เสธ.แมว เตือน รบ. ก่อนโยงเหตุบึ้มกรุงฯ ลงใต้ ต้องมั่นใจ พยาน-หลักฐานต้องแน่น ระวังผลมุมกลับ ทำพื้นที่ 3 จว.รุนแรงขึ้น

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่มีพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ เป็นประธาน กล่าวถึงกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ไม่สมบูรณ์แบบของรัฐบาลสืบทอดอำนาจว่า ถือเป็นจุดตายของรัฐบาลไปแล้ว เพราะมีความชัดเจนว่า จะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ได้ส่งผลกระทบถึงขั้นทำให้ทุกวงการของสังคมทั้งในและต่างประเทศเริ่มไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาลเกรงว่าจะเป็นรัฐบาลที่ผิดกฎหมายและทำให้เหล่าข้าราชการเริ่มละล้าละลังที่จะปฏิบัติหน้าที่สนองงานรัฐมนตรี ประกอบกับมีสถานการณ์ระเบิดป่วนเมืองขึ้นมาอีก ถ้าฝ่ายความมั่นคงไม่เร่งหาตัวผู้กระทำความผิดอย่างชัดเจนมาเปิดเผยก็จะส่งผลมุมกลับกลายเป็นว่า รัฐบาลสร้างข่าวใหม่มาเบี่ยงเบนประเด็นกลบข่าวที่ผู้นำสืบทอดอำนาจกำลังถูกโรครุมเร้า จึงทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศยิ่งทรุดตัวลงเข้าไปกันใหญ่

"ส่วนที่ฝ่ายความมั่นคงพยายามเชื่อมโยงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในกทม.กับผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้น แม้เบื้องต้นจะมีภาพของความเชื่อมโยงจากการจับคนร้าย แต่เมื่อเทียบอนุภาพระหว่างเหตุที่เกิดขึ้นกทม. กับการลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดปัตตานีในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ยังต่างกันมาก ในทัศนะของผมยังให้น้ำหนักของเหตุที่เกิดขึ้นในกทม.เป็นเรื่องการดิสเครดิตรัฐบาล หรือความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากปัญหาภายในมากกว่า ดังนั้น ในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในเรื่องสิ่งบอกเหตุ ถ้าน้ำหนักของพยานหลักฐานในการเชื่อมโยงไม่เพียงพอ จะเป็นอันตรายมาก เพราะนั่นจะเป็นการยั่วยุ ทำให้มีการตอบโต้ ด้วยการก่อเหตุเพื่อแสดงออก และอาจทำให้เหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้นได้" พล.ท.ภราดร กล่าว

พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เงื่อนปมสำคัญที่ทำให้เป็นเช่นที่กล่าวมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ถูกต้อง ก็เพราะความผิดเพี้ยนของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทำให้เราจำยอมต้องได้ผู้นำจากการสืบทอดอำนาจ ดังนั้นพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านปีกประชาธิปไตย จึงเห็นพ้องต้องกันที่จะต้องเร่งมือให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเร็วเพราะชัดเจนว่า เป็นรากแก้วของปัญหาทั้งปวงทำให้ประเทศติดขัดการพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินงานสร้างมติมหาชนเพื่อนำสู่การบังคับวิถีให้เกิดการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตัวแบบในชั้นต้นน่าจะเป็นในรูปให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเฉกเช่นปี 40 ให้เกิดขึ้นมาได้ก่อน จากนั้นก็จะมีพัฒนาการกันต่อไป ทั้งนี้ทุกพรรคได้ไปขับเคลื่อนแบบแยกการและรวมการควบคู่กันไปในระดับหนึ่งแล้ว