สำนักข่าวบีบีซี รายงานอ้างอิงสื่อจีน โกลบอลไทม์ โดยระบุว่า จีนประกาศให้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยี 4 อย่าง ได้้แก่ รถไฟความเร็วสูง ระบบการจ่ายเงินผ่านมือถือ การซื้อสินค้าออนไลน์ และการแชร์จักรยานสาธารณะ เป็น 'สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ของจีนในยุคใหม่' โดยอ้างอิงจากการสำรวจความคิดเห็นนักเรียนต่างชาติจาก 20 ประเทศของมหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติปักกิ่ง ซึ่งตั้งคำถามว่า นวัตกรรมจีน 4 อย่างที่นักเรียนเหล่านี้อยากนำกลับไปยังของประเทศตนเองมากที่สุดคืออะไร
แบบสอบถามดังกล่าวคาดว่าจะมีต้นตอจากที่ 'โพนี หม่า' เจ้าของแอปพลิเคชันสนทนาผ่านสมาร์ทโฟน WeChat กล่าวในงานประชุมสภาแห่งชาติจีนครั้งล่าสุดว่า "พวกเรากำลังอยู่ในจีนยุคใหม่ที่เรียกว่า 'ยุค 4 สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่' ที่รวมทั้งรถไฟความเร็วสูง การซื้อของออนไลน์ การจ่ายเงินผ่านมือถือ และการแชร์จักรยานสาธารณะ"
นิยามของ 4 สิ่งประดิษฐ์ยุคใหม่ของจีนนั้นสอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง 4 สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ในยุคโบราณของจีน ได้แก่ การทำกระดาษ การทำดินปืน การพิมพ์ และเข็มทิศ ขณะที่จีนวางยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศให้เป็นประเทศแห่งนวัตกรรมภายในปี 2020 จึงมีความตื่นตัวด้านการส่งเสริมสิ่งประดิษฐ์และการคิดค้นนวัตกรรมด้านต่างๆ
"ชาติตะวันตกที่พัฒนาแล้วยึดครองการเป็นผู้นำเทคโนโลยีสูงสุดระดับโลกเป็นเวลานานหลายปี และจีนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตนเอง โดยเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้จีนเป็นอิสระและได้รับความเคารพจากคู่ค้าและคู่แข่งอย่างแท้จริง" สำนักข่าวซินหัวรายงานแถลการณ์ของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีข้อมูล
อย่างไรก็ตาม แม้จีนจะอ้างว่าเป็นผู้คิดค้น 4 นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนในยุคปัจจุบัน แต่สื่อต่างประเทศยืนยันว่าจีนไม่ได้เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเหล่านั้นเป็นรายแรก เพียงแต่การใช้งานเทคโนโลยีนวัตกรรมเหล่านั้นได้รับความนิยมขยายวงกว้างและมียอดผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากในประเทศจีน
รถไฟความเร็วสูง
รถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นครั้งแรกในยุโรปเมื่อปี 1955 โดยรถไฟในยุคนั้นแล่นด้วยความเร็วสูงสุด 331 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่การให้บริการรถไฟความเร็วสูงสาธารณะเกิดขึ้นครั้งแรกในญี่ปุ่นในปี 1964 ได้แก่ เส้นทางจากโตเกียวไปโอซาก้า ด้วยความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขณะที่จีนเองมีรถไฟความเร็วสูงครั้งแรกในปี 2008 ในเส้นทางปักกิ่งและเทียนจิน ซึ่งเป็นเส้นทางระหว่างเมืองที่ใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ที่จีนเป็นเจ้าภาพ
ปัจจุบันเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของจีน สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะใช้เวลาจากปักกิ่งไปเซี่ยงไฮ้แค่ 2.5 ชั่วโมงเท่านั้น จากเดิมใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงในการเดินทาง และเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีนมีระยะทางทั้งหมด 25,000 กิโลเมตร แต่จีนตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศให้มีระยะทาง 38,000 กิโลเมตร ภายในปี 2025
ระบบการจ่ายเงินผ่านมือถือ
เทคโนโลยีการใช้จ่ายเงินผ่านมือนั้นเกิดขึ้นที่ฟินแลนด์เมื่อปี 1997 พัฒนาจากเครื่องซื้อน้ำดื่มอัตโนมัติและเครื่องซื้อเพลงซึ่งสามารถจ่ายเงินผ่านการเติมเงินทางโทรศัพท์ได้ แต่อย่างไรก็ตามมีข้อโต้เถียงว่าเทคโนโลยีจ่ายเงินผ่านมือถือนี้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการโดยแอปเปิลเพย์ของสหรัฐฯในปี 2014
ขณะที่จีนเริ่มมีการใช้ระบบจ่ายเงินผ่านมือถือในปี 2014 โดยการนำของ Alipay และ WeChatPay และยอดผู้ใช้ทั่วจีนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2016
สเตรทไทม์ของสิงคโปร์รายงานว่า ในช่วง 10 เดือนของปี 2017 ยอดการใช้จ่ายเงินผ่านระบบบมือถือในจีน มีมูลค่ากว่า 81 ล้านล้านหยวน มากกว่ายอดการใช้จ่ายของปี 2016 ถึงเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ และจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในจีนมีมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือมีการใช้งานโทรศัพท์กว่า 724 ล้านเครื่อง
ทั้งนี้ การใช้จ่ายเงินผ่านระบบมือถือของจีนนั้น ส่วนใหญ่ใช้งานผ่านระบบ WeChat หรือ Alipay ที่ติดตั้งอยู่ตามร้านค้าทั่วไป ปัจจุบันรัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2030 สังคมจีนจะต้องเป็นสังคมไร้เงินสดอย่างแท้จริง
ระบบการซื้อขายสินค้าออนไลน์
เทคโนโลยีการซื้อขายสินค้าออนไลน์ถูกคิดค้นโดย ไมเคิล อัลดริช ชาวอังกฤษในปี 1979 และการซื้อขายสินค้าออนไลน์เริ่มได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษ 90 หลังจากแอมะซอนและอีเบย์เปิดตัวเว็บไซต์ในปี 1995
ขณะที่ในจีนเอง อุตสาหกรรมการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพิ่งจะเริ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 2000 แต่ตลาดอีคอมเมิร์ชในจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 10 ปีที่ผ่านนี้ จนมีมูลค่าตลาดแซงหน้าสหรัฐฯ
รายงานของbusiness.com กล่าวว่า มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในจีนสูงถึง 6,720 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมูลค่าตลาดมากเกือบ 2เท่าของตลาดสหรัฐฯ และคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 15.9 เปอร์เซ็นต์ และในแต่ละปี ตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ภายในจีนเองก็โตขึ้นปีละ 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
จักรยานสาธารณะ
แนวคิดของจักรยานสาธารณะ เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1960 ภายใต้ 'แผนจักรยานสีขาว' กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่นวัตกรรมดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเกิดการขโมยจักรยานเกิดขึ้น ขณะที่การแชร์จักรยานสาธารณะที่มีขนาดใหญ่เกิดขึ้นครั้งแรกในกรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์กในช่วงทศวรรษ 1990
ส่วนปรากฎการณ์จักรยานสาธารณะในจีน (Bike Sharing) เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา และได้กระจายไปยังเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็ว มีผู้ให้บริการจักรยานสาธารณะกว่า 60 บริษัททั่วประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม The Atlantic รายงานว่า ปัจจุบันมีจักรยานที่ถูกทิ้งร้างในจีนมากกว่าล้านคัน เนื่องจากไม่มีผู้ใช้งาน