โฆษกของเฟซบุ๊กเปิดเผยกับสำนักข่าว AFP ว่าได้ลบเพจของพระวีรธุ พระสงฆ์หัวสุดโต่งชาวเมียนมา ฉายา "บินลาดินแห่งศาสนาพุทธ" อดีตแกนนำกลุ่มมาบาธา กลุ่มพุทธหัวรุนแรงที่ก่อกระแสต่อต้านมุสลิม โดยเฉพาะชาวโรฮิงญาในประเทศ โดยเฟซบุ๊กให้เหตุผลในการปิดเพจดังกล่าวว่าสังคมเฟซบุ๊กไม่ส่งเสริมองค์กรหรือบุคคลใดที่มีพฤติกรรมเผยแพร่และสนับสนุนความรุนแรงต่อผู้อื่น หากมีผู้ฝ่าฝืน เฟซบุ๊กจะมีมาตรการต่างๆตั้งแต่การระงับเพจหรือบัญชีผู้ใช้นั้นชั่วคราว ไปจนถึงการสั่งปิดเพจอย่างถาวร โดยในกรณีของเพจพระวีรธุ ถูกลบไปตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
พระวีรธุยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใดๆในกรณีดังกล่าว แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา พระวีรธุได้กล่าวผ่านวีดีโอว่าเฟซบุ๊กของตนเองถูกแบนเป็นเวลา 30 วัน เนื่องจากเฟซบุ๊ก "ถูกครอบงำโดยพวกมุสลิม"
เฟซบุ๊กเป็นโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมียนมา นับตั้งแต่ปี 2013 ที่รัฐบาลเปิดเสรีด้านธุรกิจโทรคมนาคม และมีการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการใช้สมาร์ทโฟนแพร่หลายมากขึ้น จนปัจจุบันคนเมียนมากว่า 80% ครอบครองสมาร์ทโฟนแล้ว
ความนิยมในเฟซบุ๊กทำให้พระสงฆ์กลุ่มหัวสุดโต่งหันมาใช้เฟซบุ๊กเป็นแพลทฟอร์มในการเผยแพร่แนวคิด รวมถึงเป็นศูนย์กลางการกระจายข่าวสารต่างๆเพื่อปลุกกระแสชาตินิยมพุทธ โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่การโจมตีกลุ่มมุสลิมโรฮิงญา ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยในประเทศ โดยหลังจากความรุนแรงรอบล่าสุดในยะไข่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 700,000 คนต้องหลบหนีออกนอกประเทศไปยังบังกลาเทศ เฟซบุ๊กก็ถูกกดดันอย่างหนักให้ปราบปราบการใช้เฮทสปีชและการเผยแพร่ความเกลียดชังต่อชาวมุสลิมในแพลทฟอร์มของตนเอง
เต็ท ส่วย วิน นักกิจกรรมด้านศาสนาในย่างกุ้ง ให้ความเห็นว่าการปิดเพจของพระวีรธุ เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของเฟซบุ๊กในฐานะโซเชียลมีเดียที่ไม่ยอมรับเฮทสปีช แต่ลำพังเพียงการปิดเพจไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากวีดีโอของพระวีรธุยังไม่ได้ถูกลบ และสาวกของเขาก็ยังคงแชร์วีดีโอเหล่านี้ต่อไป