ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มผู้นำศาสนาในซาอุดีอาระเบียสั่งห้ามประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยระบุว่าเป็นสถานที่บ่อนทำลายศีลธรรม แต่รัฐบาลซาอุดีฯ จะยกเลิกคำสั่งดังกล่าวในปีหน้า

กระทรวงวัฒนธรรมและสารสนเทศแห่งซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ลงวันที่ 11 ธันวาคม โดยระบุว่าคำสั่งห้ามประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ภายในประเทศจะถูกยกเลิกในเดือนมีนาคม 2018 เพื่อเป็นการปฏิบัติตามนโยบายปฏิรูปสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะทำให้โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดกิจการในซาอุดีอาระเบียได้เป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปี

เว็บไซต์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า กลุ่มผู้นำศาสนาอิสลามในซาอุดีอาระเบียประณามว่าโรงภาพยนตร์ที่เปิดให้บริการเพื่อการค้าพาณิชย์ เป็นตัวการให้เกิดความเสื่อมทรามทางศีลธรรม เพราะไม่มีการแยกพื้นที่ของชายและหญิง ทั้งยังเป็นต้นทางเผยแพร่วัฒนธรรมต่างแดนที่ขัดแย้งต่อคำสอนของศาสนา 

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปี 2017 ที่ผ่านมา รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศว่าจะส่งเสริมธุรกิจบันเทิงภายในประเทศ เพื่อสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการเปิดโรงภาพยนตร์ก็เป็นหนึ่งในแผนดังกล่าว แต่กลุ่มผู้กำกับภาพยนตร์ในซาอุดีอาระเบียแย้งว่า การเปิดโรงภาพยนตร์ในยุคนี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอีกต่อไป เพราะเป็นยุคที่คนรุ่นใหม่เลือกดูภาพยนตร์และสื่อบันเทิงจากยูทูบและช่องทางอื่นๆ ในอินเทอร์เน็ตมากกว่าใช้บริการโรงภาพยนตร์

ขณะเดียวกัน รอยเตอร์รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนายอะวาด บิน ซาเลห์ อะลาวาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและสารสนเทศ เปิดเผยแผนของรัฐบาลซาอุอาระเบียที่ตั้งเป้าว่าจะเปิดสถานประกอบการภาพยนตร์ให้ได้อย่างน้อย 300 แห่งภายในปี 2030 โดยจะมีจำนวนจอฉายภาพยนตร์ประมาณ 2,000 จอ และต้องเพิ่มตำแหน่งงานในประเทศให้ได้ 30,000 งาน รวมถึงเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7.92 แสนล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ราชวงศ์ซาอุดีประกาศปรับปรุงประเทศรับโลกเสรี

แค่ขับรถได้ ไม่พอสำหรับการยกระดับสิทธิหญิงซาอุดี

ซาอุดีฯ ให้สิทธิพลเมืองแก่หุ่นยนต์เป็นครั้งแรก