ไม่พบผลการค้นหา
ทันตแพทยสภาเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ โฆษณายาสีฟันอ้างชื่อพิธีกรดัง ให้ข้อมูลเท็จ อวดอ้างทำฟันขาวขึ้นใน 1 สัปดาห์ ฟันผุ หินปูนหายไป ชี้หลอกลวงผู้บริโภค เตรียมแจ้งความดำเนินคดี เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ เลขาธิการทันตแพทยสภา กล่าวว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลสินค้าประเภทยาสีฟันที่อวดอ้างคุณสมบัติว่า ผลลัพธ์จากการใช้ใน 1 สัปดาห์ ทำให้ฟันขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คราบเหลืองหายไป หลังจากการใช้ 1 เดือน ฟันผุและหินปูนหายไป และฟันขาวขึ้น 4-5 ระดับ โดยอ้างชื่อพิธีกรรายการโทรทัศน์ท่านหนึ่ง ทันตแพทยสภาขอเตือนประชาชนว่า การโฆษณาดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค ทำให้เข้าใจผิด และเชื่อว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของดี มีคุณภาพ และได้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่โฆษณาดังกล่าวหลอกลวงว่า เติมเต็มเนื้อฟันที่ถูกทำลาย, แลดูเรียบราวกับหิมะสีขาว, ได้รับการยืนยันจากการทดลองทางคลินิกที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การรักษาทางทันตกรรม, ฟันผุและหินปูนหายไป และฟันขาวขึ้น 4-5 ระดับ ซึ่งล้วนไม่เป็นความจริง

“ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่มียาสีฟันใดที่ทำให้ฟันผุและหินปูนหายไปภายใน 1 เดือน โดยไม่ได้รับการบูรณะหรือการทำความสะอาดจากทันตแพทย์ ทั้งนี้ทันตแพทยสภากำลังดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาดังกล่าว เพื่อมิให้เกิดความเสียหายกับประชาชนต่อไป” เลขาธิการทันตแพทยสภา กล่าว 

สธ. เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาน้ำยาบ้วนปาก อวดสรรพคุณเกินจริง 

ขณะที่ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันมีการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากผ่านสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะบนสื่อออนไลน์ ซึ่งโฆษณาสรรพคุณว่าเมื่อใช้แล้วสามารถขจัดคราบหินปูน คราบพลัค คราบจุลินทรีย์ ทำให้หินปูนหลุดออกได้ และทำให้ฟันขาวขึ้นภายใน 1 สัปดาห์นั้น ขอเตือนว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากน้ำยาบ้วนปากไม่สามารถกำจัดหินปูนให้หลุดออกมาได้  

พญ.อัมพรกล่าวต่อว่า การใช้น้ำยาบ้วนปาก ไม่แนะนำให้ใช้เป็นกิจวัตรประจำวัน ให้ใช้เสริมการแปรงฟันในกรณีที่ทันตแพทย์แนะนำ มีข้อบ่งชี้ เช่น สุขภาพช่องปากไม่ดี ปากเป็นแผล เป็นโรคเหงือก มีการผ่าตัดเหงือก หรือคนที่มีแนวโน้มฟันผุง่าย ถ้าสุขภาพช่องปากเป็นปกติไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปาก เพราะการใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เชื้อราในช่องปากเพิ่มขึ้นและเสียสมดุลในช่องปาก เนื่องจากในน้ำยาบ้วนปากมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค จึงขอย้ำประชาชนอย่าหลงเชื่อ เนื่องจากไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์หรือทางการแพทย์มายืนยัน หากมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์ดีที่สุด 

ด้าน ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการกองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากจะช่วยลดกลิ่นปากได้ชั่วคราว สามารถควบคุมกลิ่นปากได้ประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น จากนั้นประสิทธิภาพจะลดลง ควรใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นครั้งคราวในกรณีที่ต้องการความมั่นใจ หากใช้เพื่อระงับกลิ่นปาก ควรแก้ที่สาเหตุของกลิ่นปากโดยตรง เช่น มีฟันผุ เป็นโรคเหงือกอักเสบ เป็นโรคระบบทางเดินอาหาร ทอนซิลอักเสบ หรือไซนัส ให้รับการรักษาอย่างตรงจุดและดูแลอนามัยในช่องปาก โดยแปรงฟันให้สะอาดทุกวัน เพิ่มการทำความสะอาดลิ้น เนื่องจากฝ้าขาวบนลิ้นเป็นสาเหตุสำคัญของกลิ่นปาก ขณะเดียวกันควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันทุกวัน และในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากทุกประเภท ทั้งประเภทที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และปราศตากแอลกอฮอล์ เนื่องจากยังไม่มีการควบคุมการกลืนที่ดี อาจมีการกลืนน้ำยาบ้วนปาก สำหรับน้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ผสม ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี