นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวในงานสัมมนา "แก้ปัญหาพลังงานอย่างไร ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน" จัดโดย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และ เครือข่ายตรวจสอบ ภาคประชาชน ว่า ราคาพลังงานในตลาดโลกยังมีความผันผวนสูง อาจจะขึ้นหรือลงก็ได้ แต่ตนขอตอกย้ำสิ่งที่ได้เสนอไว้แล้วเพราะไม่ว่าราคาพลังงานจะขึ้นหรือลง รัฐบาลก็ควรดำเนินการแก้ไขเรื่องเหล่านี้ให้ถูกต้องเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชนผู้บริโภค ดังนี้
1) การปรับราคาเอทานอลที่ใช้ผสมน้ำมันแก๊ซโซฮอลล์ให้อยู่ในราคาตลาด ซึ่งเรื่องนี้ตนในฐานะคนยกเลิกเบนซิน 91 ทำให้มีการใช้เอทานอลมาก เคยปรึกษาด้วยเหตุและผลกับผู้ประกอบการผลิตเอทานอลรายใหญ่บางรายแล้วในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงมาก พวกเขายอมรับได้ รวมถึงการกำหนดราคาน้ำมันปาล์มที่ผสมในไบโอดีเซลให้เหมาะสมด้วย
2) การกำหนดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นให้เท่าสิงคโปร์โดยไม่ต้องรวมค่าขนส่งจากสิงคโปร์
3) การกำหนดค่าการตลาดให้เหมาะสม
ส่วนเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่เริ่มกลับมาทยอยเก็บในรัฐบาลนี้ในช่วงที่น้ำมันตลาดโลกมีราคาลดลง ก็แล้วแต่รัฐบาลจะพิจารณาว่าถ้าหากราคาน้ำมันตลาดโลกมีราคาสูงขึ้นมาก รัฐบาลควรจะลดหรือไม่ หรือ ลดเท่าไหร่ เพราะปัจจุบันจากที่ไม่เก็บเลยก่อนการปฏิวัติ มาเก็บสูงถึง 5.85 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ยังอยากให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบการทุจริตใน บมจ. ปตท. ทั้งในเรื่อง การทุจริตโครงการสวนปาล์มในอินโดนีเซีย โครงการออยล์แซนด์ในประเทศแคนนาดา ( ทั้งสองโครงการอยู่ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์) และ โครงการท่อก๊าซ อียิปต์-อิสราเอล (สมัยนายปิยสวัสดิ์ อมระนันทน์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)
นายพิชัยยังกล่าวด้วยว่าอยากเห็นแนวทางนโยบายพลังงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ชัดเจนเพราะแนวทางปัจจุบันได้สร้างความสับสนให้กับประชาขนอย่างมาก อีกทั้งยังสวนกับทิศทางโลก โดยอยากให้พลเอกประยุทธ์ถามตัวเองกลับไปบ้างว่าได้ทำอะไรบ้างตลอด 4 ปีนี้ในเรื่องพลังงาน เพราะประชาชนนึกไม่ออก