โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า อิรักควรจะเตรียมตัวรับมือกับการคว่ำบาตรที่หนักอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากสหรัฐฯ หากลงมติให้ขับไล่กองทัพต่างชาติออกจากอิรัก

ทรัมป์ระบุว่า "เรามีฐานทัพอากาศที่แพงมหาศาลที่นั่น ใช้งบสร้างหลายพันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ผมยังไม่อยู่ในตำแหน่ง เราจะไม่ออก นอกเสียจากพวกเขาจะจ่ายเงินคืนให้พวกเรา" เขายังขู่ต่อว่า หากอิรักแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ และสหรัฐฯ เห็นว่าไม่เหมาะสม "สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรอิรักอย่างหนัก แบบที่ทำให้การคว่ำบาตรอิหร่านดูเป็นเรื่องเบาะๆ เลยไป"

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่รัฐสภาอิรักลงมติให้ยุติข้อตกลงที่เคยทำไว้กับรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นข้อตกลงว่าสหรัฐฯ จะส่งทหารไปช่วยอิรักต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอเอส โดยให้เหตุผลว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่อนุญาตให้กองทัพต่างชาติเข้าไปต่อสู้กับกลุ่มไอเอส ซึ่งปัจจุบันได้ล่มสลายไปแล้ว และรัฐบาลอิรักต้องยุติไม่ให้กองทัพต่างชาติเข้ามาใช้ผืนแผ่นดินอิรัก ใช้น่านฟ้า หรือน้ำของอิรักหาประโยชน์ใดๆ 

อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวยังเปิดทางให้กองทัพต่างชาติประจำการอยู่ในอิรักได้ หากเป็นการประจำการเพื่อช่วยฝึกฝนทหารอิรัก แต่ครูฝึกชาวต่างชาติมีความจำเป็นต้องรายงานตัวกับทางการอิรักด้วย

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิรักเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ที่กองทัพสหรัฐฯ สังหารพลตรีกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ กองกำลังสำคัญของกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ด้วยการโจมตีทางอากาศจากโดรนที่กรุงแบกแดดของอิรักเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยอเดล อับดุล มาห์ดี นายกรัฐมนตรีอิรักกล่าวว่า การโจมตีของสหรัฐฯ เป็น “การละเมิดอธิปไตยของอิรักอย่างหน้าไม่อาย และทำลายศักดิ์ศรีของประเทศอย่างโจ่งแจ้ง”

การสังการพลตรีโซเลมานี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ปราบปรามกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก ส่งผลให้อิหร่านและอิรักรู้สึกโกรธแค้นสหรัฐฯ อย่างมาก โดยรัฐบาลอิหร่านถึงกับประกาศจะล้างแค้นให้กับพลตรีโซเลมานี โดยระบุว่า การสังหารพลตรีโซเลมานีเป็นการก่อการร้ายข้ามชาติ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่า พลตรีโซเลมานีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีพลเมืองอเมริกันหลายครั้ง รวมถึงการโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ ด้วย และยังเชื่อว่า พลตรีโซเลมานีกำลังวางแผนจะโจมตีพลเมืองอเมริกันอีก จึงต้องสังหารผู้บงการ

ที่มา : RT, The New York Times, DW