วันที่ 17 พ.ค. 2566 ที่ สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พ.ต.อ.แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุพจน์ แก้วมณี รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าอุเทน ได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สืบสวน กกต.นครพนม พร้อมคืนเงินสด จำนวน 195,000 บาท ให้กับ มานพ (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่บ้านหนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม อาชีพ พ่อค้า อีกทั้งยังเป็นแกนนำสนับสนุนพรรคเพื่อไทย หลังถูกตรวจสอบ ยึดเงินสด ขณะขับรถยนต์กระบะ ออกจากบ้าน เพื่อไปซื้อของมาขาย เหตุเกิด บริเวณ บ้านแพงสะพัง – หนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 12 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครพนม เข้าตรวจค้น ยึดเงินสด แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการซื้อเสียง จึงทำการตรวจยึดเงินสดไว้ตรวจสอบเป็นหลังฐาน ทำการสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมาย จนกระทั่งตรวจสอบแล้วไม่พบเชื่อมโยงหลักฐาน การซื้อเสียง จึงนำเงินคืนเจ้าของ
ด้าน มานพ (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พ่อค้าร้านขายของชำ และขายอาหารตามสั่ง อีกทั้งยังเป็นแกนนนำสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในการตรวจค้น ยึดเงินสด ตนให้ความร่วมมือทุกอย่าง เพราะมีความบริสุทธิ์ใจ แต่ยังคาใจหลังตรวจค้น ไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงกระทำความผิด แต่มีการตรวจยึดเงินสดไว้ ทั้งที่ปกติ ตนเป็นพ่อค้า ขายของ มีการพกเงินสด หลักแสนบาท เป็นประจำ เพื่อใช้หมุนเวียนในการค้าขาย ยอมรับสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่ไม่เคยมีการซื้อเสียง ชอบด้วยความศรัทธาในพรรคการเมือง รวมถึงตัวผู้สมัคร เป็นสิทธิส่วนตัว ยอมรับเสียเวลาในการทำมาค้าขาย แต่พร้อมให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ยืนยันถูกฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้ง เป็นแพะทางการเมือง เพราะหลังตรวจค้นยึดเงินสด แล้วมีการออกสื่อบางสำนักว่า เป็นหัวคะแนนพรรคเพื่อไทยซื้อเสียง เชื่อว่ามีฝ่ายตรงข้ามไม่หวังดี ชี้เป้าแก่เจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบยึดเงินสด และออกข่าวดิสเครดิต อย่างไรก็ตามตนได้หารือกับทางฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เพื่อดำเนินการทางกฎหมายแล้ว ในส่วนที่ บิดเบือนความจริง เข้าข่ายความผิด หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยทางฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ ร.ต.อ.สุพจน์ แก้วมณี รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เปิดเผยว่า การตรวจยึดดังกล่าว เป็นการทำงานของตำรวจชุดสืบสวนนครพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวน กกต. เข้มงวดป้องกันการกระทำผิดซื้อเสียงในช่วงเลือกตั้ง และมีการตรวจยึดเงินสด นำส่งให้ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เป็นหลักฐาน จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง กกต.นครพนม มีการตรวจสอบตามขั้นตอนไม่พบหลักฐานการซื้อเสียง จึงคืนเงินแก่เจ้าของ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันทาง ตำรวจ สภ.ท่าอุเทน มีหน้าที่เพียงรับของกลางเป็นหลักฐานรอการตรวจสอบ หากไม่มีการกระทำผิดจึงส่งเงินคืน
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สภ.เมืองนครพนม ดร.มนพร เจริญศรี ว่าที่ ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย พร้อมพยานเกี่ยวข้อง นำเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความ ต่อ พ.ต.ท.ธานินทร์ กันภัย สาวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อร้องทุกข์กล่าวหาดำเนินคดี เอาผิดกับบุคคลไม่หวังดี ฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และฐานความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีมีสื่อบางสำนัก รวมถึงกลุ่มบุคคล นำข้อมูลเท็จ ไปเผยแพร่หวังตัดคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง หลังจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครพนม ร่วมกับ ฝ่ายสืบสาวน กกต.นครพนม เข้าตรวจสอบชายต้องสงสัย คือ มานพ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ชาวบ้านหนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม อาชีพ พ่อค้า อีกทั้งยังเป็นแกนนนำสนับสนุนพรรคเพื่อไทย พร้อมมีการตรวจสอบ ยึดเงินสด ขณะขับรถยนต์กระบะ ออกจากบ้าน เพื่อไปซื้อของมาขาย เหตุเกิด บริเวณ บ้านแพงสะพัง – หนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา โดย ยึดเงินสด 195,000 บาท แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการซื้อเสียง นำไปตรวจสอบ ขยายผล จนกระทั่งไม่พบความผิดเชื่อมโยงกับการซื้อเสียง และมีการการคืนเงินกับเจ้าของภายหลัง
จากนั้น มนพร เจริญศรี ว่าที่ ส.ส. นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำพยานหลักฐานสำคัญ มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมาย กรณีมีกลุ่มคนไม่หวังดี เผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุว่า เจ้าหน้าที่มีการจับกุม ตรวจยึดเงินสด หัวคะแนนของพรรคเพื่อไทย นำไปซื้อเสียง พร้อมมีการเผยแพร่ออกสื่อบางสำนัก ทั้งที่เป็นการตรวจสอบพ่อค้า ที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และยึดเงินสด แต่ไม่มีหลักฐานการซื้อเสียง แต่คาใจไม่มีการคืนเงินทันที พร้อมมีการบิดเบือนข้อมูลว่านำเงินไปซื้อเสียง ทำให้ตนในฐานะผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 นครพนม รวมถึงพรรคเพื่อไทย เสียชื่อเสียง และมีประชาชนเข้าใจผิดว่าทำการทุจริตการเลือกตั้ง แต่สุดท้าย เป็นการเพียงยึดเงินไปตรวจสอบ และไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงการซื้อเสียง ไม่มีความผิด
มนพร ระบุว่า มั่นใจว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเจตนาดิสเครดิตทางการเมืองช่วงเลือกตั้งโค้งสุดท้าย และเป็นคู่แข่งทางการเมืองที่หวังผลจากข่าวเท็จ ตัดคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมสูง มีนโยบายที่ชัดเจน และเชื่อว่าเป็นที่ยอมรับของประชาชน ไม่จำเป็นต้องทำผิดกฎหมายในการซื้อเสียง อย่างไรก็ตามเมื่อมีหลักฐานชัดเจนสำหรับกลุ่มที่ไม่หวังดี นำข้อมูลเท็จไปเผยแพร่ ถือว่าผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินคดีทุกราย ทุกข้อหา ที่เข้าข่ายความผิด
“ขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุน และให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย ขอทำหน้าที่อาสารับใช้ประชาชน และดูแลพี่น้องประชาชนตลอดไป ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะได้หารือส่วนเกี่ยวข้อง ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎกหมายหรือไม่ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนหนึ่งเชื่อว่าจะต้องมีใบสั่งชี้เป้าจากผู้ไม่หวังดี” มนพร ระบุ