การลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นนายกฯ ต้องได้เสียงอย่างน้อย 376 เสียง จากทั้งหมด 750 เสียง และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนทั้งหมด 500 เสียง และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตพรรคอนาคตใหม่ 244 เสียง แบ่งได้ดังนี้:
พรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรค = 254 เสียง
พลังประชารัฐ 116
ประชาธิปัตย์ 53
ภูมิใจไทย 51
ชาติไทยพัฒนา 10
รวมพลังประชาชาติไทย 5
ชาติพัฒนา 3
พลังท้องถิ่นไท 3
รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2
พลังชาติไทย 1
ประชาภิวัฒน์ 1
ไทยศรีวิไลย์ 1
พลังไทยรักไทย 1
ครูไทยเพื่อประชาชน 1
ประชานิยม 1
ประชาธรรมไทย 1
ประชาชนปฏิรูป 1
พลังพลเมืองไทย 1
ประชาธิปไตยใหม่ 1
พลังธรรมใหม่ 1
7 พรรคต้านสืบทอดอำนาจ = 246 เสียง
เพื่อไทย 136
อนาคตใหม่ 81
เสรีรวมไทย 10
ประชาชาติ 7
เศรษฐกิจใหม่ 6
เพื่อชาติ 5
พลังปวงชนไทย 1
ทั้งนี้ 500 เสียงที่เห็นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ มาจาก ส.ส. 251 เสียง และ ส.ว. 249 เสียง ส่วน 3 เสียงที่งดออกเสียง คือ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย
ขณะที่พรรคขั้วต้านสืบทอดอำนาจ 7 พรรคโหวตให้นายธนาธร ครบทุกเสียง ที่ 244 เสียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ประยุทธ์’ 500 เสียง นั่งนายกฯ สมัย2 - ภท. 1 เสียงแหกค่าย ประกาศงดออกเสียง
- สื่อนอกตีข่าว รัฐสภาไทยต่ออายุ 'เผด็จการประยุทธ์' ด้วยการลงคะแนนให้เป็นนายกฯ
- สนท.แถลงจุดยืนต่อการเลือกนายกฯ 'ไม่สง่างาม'
- ‘ธนาธร’ ปัดไม่พ่ายแพ้ แต่ถูกปล้นชัยชนะ มุ่งจับมือ 7 พรรคทำงานหนักให้มากกว่านี้
- 'หญิงหน่อย' โพสต์ 7 พรรคพยายามปกป้องประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุด
