วอลต์ ดิสนีย์ วางแผนปลดคนงานเพิ่มเป็น 32,000 ราย ภายในสิ้นเดือน มี.ค. 2564 ปรับเพิ่มขึ้นราว 4,000 ตำแหน่ง จากการประกาศครั้งก่อนหน้าที่บริษัทวางตัวเลขการปลดคนงานไว้ราว 28,000 ราย โดยตำแหน่งงานสำคัญที่มีโอกาสได้รับผลมากที่สุดคือพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในสวนสนุกซึ่งเป็นส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตโรคระบาด
ปัจจุบัน ดิสนีย์มีลูกจ้างประมาณ 2.2 แสนคนทั่วโลก โดยถึง 1 แสนคน ทำงานในธุรกิจสวนสนุกในสหรัฐฯ ที่แม้จะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการแล้วบางแห่ง แต่มาตรการเว้นระยะห่างยังคงทำให้ธุรกิจต้องแบกต้นทุนค่อนข้างสูง
เมื่อ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา วอลต์ ดิสนีย์ เผยรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ประจำปีงบประมาณ 2563 (ณ วันสุดท้ายที่ 3 ต.ค. 2563) มีรายรับรวม 14,707 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4.4 แสนล้านบาท) ปรับตัวลดลงถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ บริษัทเคยทำรายได้ทะลุ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (5.7 แสนล้านบาท)
ทั้งนี้ เมื่อแยกผลประกอบการตามหน่วยธุรกิจ 4 ประเภท ได้แก่ 1.เครือธุรกิจสื่อ 2.สวนสนุกและสินค้า 3.สตูดิโอบันเทิง และ 3.บริการลูกค้าโดยตรง พบว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ ธุจกิจสวนสนุกของบริษัทมีรายได้เพียง 2,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (7.8 หมื่นล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นการหดตัวถึง 61% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 ที่มีรายได้ถึง 6,655 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2 แสนล้านบาท)
อย่างไรก็ดี ดิสนีย์ ยังเห็นแสงสว่างจากธุรกิจในเครือผ่านหน่วยธุรกิจประเภทเครือธุรกิจสื่อ ที่เห็นรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 11% จากเดิมที่ 6,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1.9 แสนล้านบาท) ขยับขึ้นมาเป็น 7,213 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2.1 แสนล้านบาท) ซึ่งได้อานิงสงค์สำคัญจากบริการสตรีมมิง Disney+ ที่มียอดผู้ติดตามรายเดือนสูงถึง 73 ล้านบัญชี