สืบเนื่องจากกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับตัวเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
วันนี้ (10 พ.ค.) เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทำพิธีปล่อยตัว ผู้ต้องขัง ที่เข้าเกณฑ์ได้รับการอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ ซึ่งรวมไปถึงแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 5 คนประกอบด้วย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กตะศิลา และพลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้
นายสมเกียรติ เปิดเผยหลังได้รับอิสรภาพโดยระบุว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมีพระบรมราชโองการอภัยโทษ และเห็นว่าการปล่อยนักโทษครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะจากการศึกษาพระราชกฤษฎีกาพบว่า ผู้ต้องขังต้องผ่านการอบรมหลักสูตรเตรียมการปล่อยเป็นเวลา 5 วัน จากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดูแลช่วยเหลือ และติดตามไม่ให้ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวกระทำผิดซ้ำอีก
พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ยังมีบัญชีแนบท้ายความผิด กลุ่มความผิดทางเพศความผิดค้ามนุษย์ ความผิดป่าไม้ และอุทยาน แห่งชาติ รวมถึงความผิดทุจริตคอร์รัปชันหลัก ที่ไม่เข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ จึงเห็นว่าหลักทั้ง 3 ประการนี้ คือปณิธานของพระองค์ ที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข
อีกทั้งพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ต้องการให้คนกลับตัวเป็นคนดีและไม่ให้กระทำความผิดซ้ำอีก นายสมเกียรติยังได้ ขอบคุณพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังเป็นห่วงแกนนำทุกคน
ด้านนายสมศักดิ์ ยืนยันว่าคดีที่เหลืออยู่จะเคารพคำวินิจฉัยของศาลและจะทำหน้าที่ปกป้องชาติจนกว่าชีวิตจะหาไม่ โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชันจะไม่ยอมให้ผ่านไป เพราะนี่คือปัญหาใหญ่ของประเทศ
นายสุริยะใส ระบุว่าสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่พระราชทานอภัยโทษนักโทษหลายหมื่นคน ซึ่งชีวิตในเรือนจำ 87 วันถือว่าได้พิสูจน์ ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม กระบวนการทางศาล แม้ศาลจะพิพากษาแตกต่างจากอีกที่คิดก็ตาม แต่แกนนำทุกคนก็ยอมรับคำพิพากษา การหนีศาลหรือโจมตีศาล ไม่ทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ยืนยันมาตลอด 10 กว่าปี พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยังศรัทธาในระบบยุติธรรม และพร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ความสุจริตใจในอีก 2-3 คดีที่เหลือ
นายสุริยะใส ยังเรียกร้องด้วยว่า อย่ามองนักโทษเป็นคนเลวเพราะบางครั้งอาจเกิดความผิดพลาดในชีวิตเพียงครั้งเดียว หรือไม่มีเงินประกันตัว ไม่มีเงินสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความยุติธรรม ขณะเดียวกันมีโอกาสเจอพี่น้องเสื้อแดงในเรือนจำซึ่งต่างเห็นอกเห็นใจกันและกัน จึงถือเป็นบทเรียนเฉพาะตัว ที่ต้องสรุปด้วยตนเอง
นายพิภพ ธงไชย มองว่ากระบวนการยุติธรรม จะต้องทบทวนเรื่องการส่งคนเข้าเรือนจำ ไม่ควรใช้วิธีจองจำเพียงอย่างเดียว จะต้องพิจารณาเรื่องการประกันตัว ต้องใช้ระบบโซเชียล ระบบอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่เข้ามาดูแล ระหว่างที่มีการต่อสู้คดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกว่า ระหว่างที่ยังสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวกระทำผิดหรือไม่ทำผิด
สำหรับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 10 พ.ค. กว่า 200 คน และจะทยอยปล่อยต่อเนื่อง ตามบัญชี ผู้ต้องโทษ ที่เป็นไปตามเงื่อนไขในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ทั้งนี้ มีผู้ต้องขังราว 4-5 หมื่นคนทั่วประเทศ จะได้รับการอภัยโทษ และทยอยปล่อยตัวภายใน 120 วัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง