สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ยกคำร้องนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ แต่สั่งดำเนินคดีอาญาต่อ น.ส.ลักษมีกานต์ วาจาสิทธิ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
จากกรณีหลังการเลือกตั้ง นายสุภรณ์ได้ยื่นร้องคัดค้านโดยอ้างว่าในวันที่ 24 ก.พ. 62 น.ส.ลักษมีกานต์ได้รับเงินจำนวน 200 บาท จากการไปฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่บริเวณเทศบาลตำบลครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา และในวันที่ 21 มี.ค. 62 ได้รับเงินจากหัวคะแนนของ นายพรชัย อำนวยทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 3 พรรคภูมิใจไทย
แต่จากการไต่สวนของ กกต. น.ส.ลักษมีกานต์ให้ถ้อยคำว่าไมได้ไปฟังการปราศรัยหาเสียง และไม่ได้รับเงินตามคำร้อง ส่วนภาพถ่ายเงินจำนวน 200 บาท และ 500 บาท ถ่ายภาพจากเงินของตัวเองแล้วส่งไปให้นายธวัชชัย ลาภกระโทก ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากนายธวัชชัยแจ้งว่าหากมีข้อมูลเกี่ยวกับการแจกเงินของผู้สมัครรายใด ให้นำมาแจ้งจะมีค่าตอบแทนให้
ขณะที่นายสุภรณ์ และนายธวัชชัย ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า นายสุภรณ์ได้รับแจ้งจากนายธวัชชัยโดยได้แสดงข้อความการสนทนา ในแอปพลิเคชันไลน์ระหว่างนายธวัชชัย และน.ส.ลักษมีกานต์ และคลิปวิดีโอการปราศรัยหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จึงเชื่อตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง และนำเรื่องมายื่นร้องคัดค้าน ประกอบกับไม่มีพยานยืนยันว่านายสุภรณ์ และนายธวัชชัยเป็นผู้ก่อสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ น.ส.ลักษมีกานต์กระทำการดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่านายสุภรณ์ และนายธวัชชัย กระทำผิด
ส่วน น.ส.ลักษมีกานต์ยอมรับว่าตนเองได้จัดทำพยานหลักฐานเป็นเท็จ เพื่อประสงค์ได้ค่าตอบแทน และย่อมเล็งเห็นว่านายสุภรณ์และนายธวัชชัย จะนำพยานหลักฐานดังกล่าวไปใช้ในการยื่นคำร้องกล่าวหานายพรชัย จึงฟังได้ว่า น.ส.ลักษมีกานต์กระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง แกล้งให้ผู้สมัครผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพื่อไม่ให้มีการประกาศผลการเลือกตั้ง จึงให้ดำเนินคดีอาญาเฉพาะ น.ส.ลักษมีกานต์ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 143