ต่างประเทศ
พร้อมกลับมาติดคุก ไม่ต้องนิรโทษ ‘ทักษิณ’ เผยสื่อญี่ปุ่น “ทรมานมามากพอแล้ว”
ในการเดินทางเยือนญี่ปุ่น ทักษิณระบุว่าตัวเองกำลังรอเวลาก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทยในปีนี้ หลังจากที่ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศหลายปี ทั้งนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีไทยผู้นี้ถูกขับออกจากอำนาจโดยการรัฐประหารของกองทัพในปี 2549 และต้องเดินทางออกจากประเทศไทยในปี 2551 เพื่อไม่ต้องเผชิญหน้าโทษจำคุกจากกระบวนการภายหลังการรัฐประหาร
“ตอนนี้ผมถูกจองจำในคุกอันกว้างใหญ่มากว่า 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันไม่ให้ผมอยู่กับครอบครัว” ทักษิณกล่าวถึงชีวิตที่ต้องห่างไกลจากบ้านเกิด “ผมทรมานมามากพอแล้ว ถ้าผมต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้งในคุกที่เล็กกว่านั้น มันก็ไม่เป็นไรหรอก”
“จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ราคาที่ผมต้องจ่ายเลย แต่ผมจ่าย เพราะผมอยากอยู่กับหลาน ผมควรจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือกับลูกๆ และหลานๆ ของผม” ทักษิณในวัย 73 ปี กล่าวกับสำนักข่าวเกียวโด
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทักษิณเป็นเศรษฐีประชานิยม ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยระหว่างปี 2544 ถึง 2549 ระบุกับสำนักข่าวเกียวโดว่า เขามั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยการได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องในวัย 36 ปีของทักษิณ ได้รับการคาดว่าจะเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจากพรรคเพื่อไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาในวันที่ 20 มี.ค. เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งทั่วไป ทั้งนี้ อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ขึ้นสู่อำนาจครั้งแรกในปี 2557 ด้วยการโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยจากพรรคเพื่อไทย น้องสาวของทักษิณ อย่างไรก็ดี พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศเสนอตัวใดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปหลังการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน
ทักษิณเดินทางออกจากประเทศไทยในเดือน ส.ค. 2551 ก่อนที่ศาลฎีกาจะพิพากษาจำคุกเขาเป็นเวลา 2 ปีจากความผิดฐานผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้กำลังลี้ภัยกล่าวว่า เขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมจากรัฐสภา แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเข้ามามีอำนาจในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ตาม “ผมบอกลูกสาวว่า อย่าปล่อยให้พรรคผลักดันให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ผม” ทักษิณกล่าวกับสำนักข่าวเกียวโด “ผมไม่ต้องการสิ่งนั้น เพราะคนที่ต่อต้านผมจะไม่รู้สึกดี”
ทักษิณระบุว่าการกลับบ้านเพื่อรับโทษจำคุก จะไม่เป็นการทรยศต่อผู้สนับสนุนของเขาที่ต่อสู้ในนามของเขาทั้งจากการลงคะแนนเสียงให้กับพรรคที่สนับสนุนทักษิณ และการจัดการชุมนุมจำนวนมาก “นี่ไม่ใช่เพราะผมยอมรับว่าผมทำอะไรผิด” ทักษิณกล่าวกับเกียวโด พร้อมกล่าวโทษระบบที่มีอคติต่อตัวเขาแทน
ทักษิณคาดการณ์ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะได้ที่นั่งอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง และอาจมากถึง 310 ที่นั่ง เพราะคนไทยเบื่อกับการปกครองของรัฐบาลประยุทธ์ ทักษิณยังระบุอีกว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง ก็ยังต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคอื่นๆ แต่เขาเห็นเพียงโอกาสอันห่างไกลที่พรรคเพื่อไทยจะผนึกกำลังกับศัตรูทางการเมือง อาทิ พรรคพลังประชารัฐ “มันอาจจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ตัวเลือกแรก” ทักษิณย้ำ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานเสริมว่า รัฐสภาไทยมีสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 250 คน และสมาชิกสภาผูัแทนราษฎร 500 คน ที่จะต้องโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไป ทั้งนี้ วุฒิสมาชิก 250 คนของวุฒิสภาถูกเลือกมาโดยกองทัพ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานอีกว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดในปี 2562 พรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐในขณะนั้น กลับได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยได้รับคะแนนเสียง 500 เสียงจากทั้งที่ประชุมรัฐสภา เอาชนะผู้สมัครฝ่ายค้านที่ได้คะแนนเสียง 244 เสียง
พล.อ.ประยุทธ์ ในวัย 69 ปี กำลังจับตามองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคอื่นในเวลานี้ ทั้งนี้ ทักษิณกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยอาจไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุนทหาร โดยทักษิณกล่าวย้ำว่าขณะนี้ สมาชิกวุฒิสภาหลายสิบคนเป็นอิสระ และพร้อมที่จะลงคะแนนเสียงให้กับพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง
ทักษิณกล่าวว่า แพทองธาร ลูกสาวของเขาพร้อมแล้วสำหรับชีวิตทางการเมือง เนื่องจากเธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเมืองจากเขาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งนี้ ทักษิณทำนายว่าแพทองธารจะทำได้ดีกว่าเขา “เธออาจจะดีกว่าผม” อดีตนายกรัฐมนตรีผู้พ่อกล่าว "เธอใจเย็นกว่าผม อดทนมากกว่าผม และเธอมีความรู้มาก"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานเสริมว่า แพทองธารเป็นแม่ของลูก 1 คน และปัจจุบันกำลังจะมีลูกคนที่ 2 โดยเธอถูกตับตามองว่าเธออาจได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของประเทศไทย หากเธอได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทั้งนี้ แพทองธารเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับคะแนนความนิยมมากที่สุด จากหลายผลการสำรวจความคิดเห็นที่ดำเนินการโดยหลายมหาวิทยาลัยของไทย
ที่มา:
