วันที่ 7 มี.ค. 2563 นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารโลก เผยแพร่รายงานว่าด้วยความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน โดยระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราความยากจนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.8 และนับเป็นชาติเดียวในอาเซียนที่มีรายงานจำนวนคนจนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 โดยตัวเลขคนยากจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 6.7 ล้านคนจาก 4.85 ล้านคน นอกจากนี้ความยากจนยังแพร่กระจายออกไปมากถึง 61 จังหวัดจากทั้งหมด 77 จังหวัด สะท้อนให้เห็นว่าภาคครัวเรือนยังคงมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงัก
จากรายงานดังกล่าวคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลจากการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บริหารประเทศแบบไร้ประสิทธิภาพ ไร้ทิศทาง ส่งผลให้ประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งมีปัญหาปากท้องเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลโฆษณาชวนเชื่อว่าจะทำให้คนไทยทุกคนมีรายได้สูงขึ้นใน 1 ปี
นายการุณ กล่าวด้วยว่า แนวคิดและนโยบายที่รัฐบาลใช้เป็นนโยบายที่ผิดทิศทาง โดยเฉพาะโครงการ "ชิมช้อปใช้" เฟส 4 ซึ่งมีงบประมาณเหลืออยู่เพียง 5,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 19,000 ล้านบาท ถือเป็นนโยบายตำน้ำพริกละลายแม่น้ำโดยแท้ เพราะดูแล้วเหมือนการย้ายเงินจากรัฐไปสู่นายทุนมากกว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินผ่านบัตร หากรัฐสิ้นคิดจะแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ควรแจกให้ประชาชนโดยตรง จะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะอย่างน้อยประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าในพื้นที่ได้ ไม่ต้องไปซื้อในร้านค้าที่รัฐกำหนด
"การที่รัฐทำโครงการต่างๆ โดยไม่ศึกษาถึงประโยชน์และความคุ้มค่าของเงินงบประมาณ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ควรที่จะพิจารณาตัวเองว่ายังเหมาะนั่งในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ เพราะยิ่งอยู่นานประชาชนยิ่งจนลง ขืนอยู่ต่อไปประชาชนลำบากกว่านี้แน่" นายการุณกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง