ไม่พบผลการค้นหา
'รมว.ธรรมนัส' ย้ำส.ป.ก.ครุฑเขียว มีคุณค่าต่อเกษตรกรส่วนใหญ่ ขออย่าด้อยค่า รัฐบาลมุ่งสร้างความมั่นคงให้กับประชาชน ผลงานจะดีหรือไม่ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน

3 เม.ย. 2567 รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการอภิปรายเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวชี้แจงถึงปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติว่า การแปลง สปก.4-01 ให้เป็นโฉนด รัฐบาลไม่ได้คิดและทำภายในเดือนสองเดือน  เพราะเรื่องนี้ นับเป็นนโยบายของพรรคการเมืองทุกพรรคที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ประกาศชัดเจนตั้งแต่ปี 62 เราจะเปลี่ยนเป็นโฉนดทองคำ และในปี 66 ก็ประกาศชัดเจนว่าเราจะเปลี่ยน ส.ป.ก.เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร เราจะทำในสิ่งที่ให้คำมั่นสัญญาที่หาเสียงไว้  และในส่วนของพรรคก้าวไกลก็มีนโยบายดี ๆ ในการเปลี่ยน ส.ป.ก.ให้เป็นเอกสารที่ถูกต้อง 

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ขออย่าด้อยค่าพี่น้องที่กำลังถือครุฑเขียว เพราะเกษตรกรเหล่านี้ กำลังมีความสุข ความภาคภูมิใจว่าเขาคือคนในประวัติศาสตร์ที่ได้ถือโฉนดเพื่อการเกษตร ขออย่าเปรียบเทียบกับโฉนดที่ดิน มันคนละประเภทกัน  เพราะรัฐบาลจะทำให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน ธกส. ประเมินที่ดินไม่ถึงร้อยละ 50% มูลค่าต่ำมากถ้าเปรียบเทียบกับกรมธนารักษ์ ดังนั้นจะต้องผลักดันให้ ส.ป.ก.มีราคาสูงขึ้น เราไม่ใช่พลเมืองประเภทสอง เราถือโฉนดที่มีมูลค่า อีกทั้งการเข้าถึงสถาบันและธนาคารอื่น ๆ เรากำลังเดินหน้า อย่าด้อยค่าเพราะประชาชนเฝ้าติดตามอยู่ จะทำอะไร ขอให้ดูเสียงเจ้าของประเทศ  ฟังเสียงประชาชนที่ถูกใจ 

“ผมยินดีที่พรรคการเมืองบางพรรคเดินหน้าให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ แต่ในยุคที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ตนจะแปลงสินทรัพย์ที่อยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.มีมูลค่าให้กับเกษตรกร หนี้สินภาคการเกษตรที่ท่านได้พูดมาจะให้เกรด D C B ผมไม่ใส่ใจ การที่จะประเมินว่ากระทรวงไหน กรมไหนทำงานไม่ทำงานอยู่ที่เสียงของประชาชน เวลาคุณลงพื้นที่ประชาชนขึ้นป้ายด่าคุณ แปลว่าคุณได้เกรด D- แต่ตนเองเดินทางไปจังหวัดไหนแม้จะเป็นพื้นที่ของพรรคก้าวไกล สส.ก็เดินตาม ไม่ใช่เพราะอยากอยู่พรรคเดียวกันแต่มันเป็นประโยชน์ของประชาชนในจังหวัด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

มั่นใจรัฐบาลเดินถูกทาง ดันราคายางเพิ่มขึ้น ผลจากปราบปรามยางเถื่อนข้ามแดน ชี้ปัจจุบันต่างชาติทยอยสั่งยางเพิ่ม สร้างรายได้เกษตร มีรายได้มั่นคง ยั่งยืน

นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวชี้แจงถึงข้อสังเกตของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า ในเรื่องของราคายางพารา ที่ถือว่าเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ และพี่น้องชาวสวนยาง ซึ่งขณะนี้สามารถลืมตาอ้าปากได้ และรัฐบาลมีโครงการที่จะสร้างความยั่งยืนให้พี่น้องชาวสวนยาง ทั้งการส่งเสริมการทำการเกษตรผสมผสาน การปลูกพืชแซม ไม่ว่าจะเป็นปลูกกาแฟเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร

 นอกจากนี้รัฐบาลก็ยังได้ดำเนินโครงการชะลอการขายยาง เป็นโครงการที่จะช่วยชาวสวนยางมีชีวิตที่ดีขึ้นระดับหนึ่ง พร้อมทั้งดำเนินนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ว่าเราจะดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือภาคเกษตร โดยนำแนวทางตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร ขึ้นเป็น 3เท่า ในช่วงระยะเวลาการบริหารราชการ 4 ปี

“นโยบายแรกที่ผมได้แถลงให้กับข้าราชการ ที่ประกาศทำสงครามกับสินค้าเถื่อนทุกประเภท สิ่งที่ปรากฏเห็นตามสื่อที่นำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทปศุสัตว์ ประมง พืชไร่ พืชสวน และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับยางพาราได้ปราบปรามยางพาราที่เข้าประเทศ 2 ประเภท 1. เถื่อนประเภท ดำสนิท ได้มีการจับยางเถื่อนในพื้นที่ที่เป็นแนวตะเข็บชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านทุกอาทิตย์ ทั้งจังหวัดระนอง กาญจนบุรี หรือจังหวัดแถบอีสาน และภาคเหนือ โดยชุดพญานาคราชที่มีอยู่ตามตะเข็บชายแดนทุกจังหวัด เฝ้าคอยระวังร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ทั้งกองทัพบก ทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราปราบปรามอย่างจริงจัง“ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ว่า กระทรวงได้เช็คแหล่งกำเนิดยางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งล้วนแล้วมาจากแหล่งเพาะปลูกที่กลุ่มทุนในประเทศไทยที่ไปลักลอบปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีต้นทุนค่าแรงที่ต่ำกว่าในประเทศ ไปปลูกประเทศเพื่อนบ้านแล้วก็แปลงเป็นยางพาราส่งข้ามเขตแดน (Transit) ส่งเข้ามาในประเทศ โดยอ้างข้อตกลงของ WTO แต่โชคดีที่เรามีฝ่ายตรวจสอบคือ ฝ่ายนิติบัญญัติโดยกรรมาธิการต่างๆกับฝ่ายบริหารคือ กระทรวงเกษตรกรฯ รวมถึงท่านนายกรัฐมนตรีที่ได้กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมมือกันปราบปรามอย่างจริงจัง และก็ต้องขอบคุณ สส.รังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ 

ทั้งนี้ผลจากการปราบปราบยางพาราอย่างจริงจัง ปริมาณการลักลอบลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ราคาสูงขึ้น เพราะซัพพลายสมดุลย์ อย่างไรก็ตามประเทศไทย เป็นแหล่งสวนยาง มีภาคอุตสาหกรรมการยาง จึงยืนยันได้ว่าไทยยึดตลาดโลก และเป็นผู้นำทางด้านยางพาราโลก

นอกจากนั้น การยางแห่งประเทศไทยยังดำเนินการสำรวจ เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้ขึ้นทะเบียนและให้มีการระบุพิกัด และรูปแปลง ซึ่งปัจจุบันดำเนินไปแล้ว 90% คือ 2,202,940 ไร่ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ราคายางพารายกระดับขึ้น รวมถึงการจัดระบบซื้อยางพาราผ่านตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) จะเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบผลผลิต จากแหล่งเพาะปลูกใด

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวต่อว่า นโยบายการรักษาเสถียรภาพราคายางในประเทศไทย  ข้อมูลที่ปรากฏสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ยางพาราของเราเป็นตัวกำหนดทิศทางของโลก ราคายาง ณ วันที่ 19 มีนาคม 2567 อยู่ที่ 98 บาทต่อกิโลกรัม เป็นยางแผ่นรมควัน คู่แข่งของเราอย่างประเทศญี่ปุ่น ราคายางประเภทเดียวกัน ราคาอยู่ที่ 88 บาท และประเทศมหาอำนาจใกล้ๆ บ้านเราอย่างประเทศจีน ราคาอยู่ที่ 77 บาท แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ยางพาราของประเทศไทยฃชี้นำตลาดโลก นโยบายที่ตนทำมามันมาถูกทางแล้ว