กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ระบุว่า นายอี แจ ยอง รองประธานกลุ่มบริษัทซัมซุง ซึ่งถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตจ่ายสินบน ยักยอกทรัยพ์ ซุกหุ้นและข้อกล่าวหาอื่นๆ อีกหลายคดี กำลังจะได้รับการปล่อยตัวในเร็วๆ โดยคาดว่าทายาทซัมซุงกำลังจะได้ปล่อยตัวพ้นเรือนจำภายใน 13 สิงหาคมนี้
กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ระบุในตอนหนึ่งของคำแถลงว่า "การตัดสินปล่อยตัวนายอี แจ ยอง รองประธานซัมซุงนั้นเป็นไปภายใต้เงื่อนไขของการราชทัณฑ์และการทำทัณฑ์บน โดยทบทวนบนปัจจัยต่างๆอย่างรอบคอบอาทิ ความรู้สึกของสาธารณชนและพฤติกรรมที่ดีของนักโทษระหว่างอยู่ในเรือนจำ" กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ ระบุ
สำหรับอี แจ ยอง ถูกจับหลังจากพบว่าเกี่ยวข้อกับคดีคอรัปชันฉาวครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลให้ต่อมาส่งผลให้ประธานาธิบดีหญิงของเกาหลีใต้ ปาร์ก กึน เฮ ถูกถอดถอดจากตำแหน่ง พร้อมถูกสั่งจำคุกเป็นเวลา 20 ปี และปรับเป็นเงินอีกหลายพันล้านวอน
เมื่อปี 2560 ทายาทซัมซุง วัย 53 ปี เคยรับโทษจำคุก 18 เดือน จากคำตัดสินโทษคุกเป็นเวลา 5 ปี ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในปีถัดไป เพราะศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเกือบทุกข้อหาในคดีจ่ายสินบนให้อดีตประธานาธิบดีปาร์ก แต่หลังจากนั้นอัยการเกาหลีใต้ได้ส่งเรื่องพิจารณาคดีใหม่ ส่งผลให้ศาลกลับคำตัดสินและเขาต้องถูกส่งตัวกลับเข้าคุกเมื่อช่วงเดือนมกราคมต้นปีที่ผ่านมา
นายอี เป็นหนึ่งในนักโทษ 810 ราย ที่ได้รับปล่อยตัวเนื่องในวันประกาศอิสรภาพของเกาหลีใต้ 15 สิงหาคม ของทุกปี โดยก่อนหน้านี้มีกระแสจากผู้นำองค์กรเอกชนของเกาหลีใต้หลายแห่ง ที่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีมุนแจอิน อภัยโทษต่อทายาทซัมซุง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
ช่วงระหว่างถูกจำคุก อี แจ ยอง มีฉายาว่าเป็น "ซีอีโอหลังลูกกรงเหล็ก" จากการที่แม้เขาจะถูกคุมขังแต่มีเหล่าผู้บริหารระดับสูงของซัมซุงเดินทางเข้ามาติดต่อในเรือนจำเพื่อหารือขอการตัดสินใจในเรื่องสำคัญเป็นระยะๆ ซึ่งนอกจากบรรดาผู้บริหารเอกชนรายใหญ่ของเกาหลีใต้จะร้องขอการอภัยโทษนายอีแล้ว ยังมีบรรดาผู้มีชื่อเสียงในสังคมเกาหลีใต้จากหลากหลายวงการ ทั้งบรรณาธิการสื่อหนังสือพิมพ์ พระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงต่างเขียนจดหมายถึงยังผู้นำเกาหลี ให้ปล่อยตัวนายอีจากเรือนจำ เนื่องจากความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจเพราะเศรษฐกิจเกาหลีใต้พึ่งพาการส่งออกและอุตสาหกรรมในเครือซัมซุงอย่างมหาศาล หลายฝ่ายวิตกว่าการจำคุกทายาทผู้กุมอำนาจบริษัทใหญ่ที่สุดของประเทศรายนี้ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฮเทคของแดนกิมจิ และอาจบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมชั้นสูงต่อชาติอื่นๆ อย่างญี่ปุ่น หรือไต้หวัน
"การตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนที่สำคัญของบริษัทควรทำโดยนายอีกเท่านั้น" หนึ่งในเหตุผลฝ่ายซึ่งเรียกร้องให้ปล่อยอภัยโทษทายาทซัมซุงระบุ เนื่องจากการเกรงว่า การจำคุกผู้บริหารโดยพฤตินัยของซัมซุงกรุ๊ป จะทำให้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ไม่อาจแข่งกับชาติอุตสาหกรรมไฮเทคประเทศอื่นได้ โดยเฉพาะอย่างแผนที่ซัมซุงมีโครงการขยายฐานการผลิตชิพประมวลผล มูลค่า 560,000 ล้านบาท ซึ่งทั่วโลกกำลังประสบปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์
ด้านสหพันธ์อุตสาหกรรมเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ระบุในแถลงการณ์แสดงความยินดีที่นายอีกำลังจะได้รับการปล่อยตัว โดยระบุว่า "หากนาฬิกาการลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทคของเกาหลีหยุดนิ่ง และไม่ถูกทำให้กลับมาเดินอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมของเราอาจตามหลังบริษัทระดับโลกอย่าง Intel ของสหรัฐ หรือ TSMC ของไต้หวัน ซึ่งจะทำให้เกาหลีใต้สูญเสียโอกาสในการแข่งขันทางเศรษฐกิจบนเวทีโลก"
แม้นายอี จะถูกปล่อยตัวแล้ว แต่เขายังต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐมนตรียุติธรรมเกาหลีใต้ก่อน เนื่องจากตามกฎหมายเกาหลีนั้นห้ามบุคคลที่เคยต้องโทษคดีสินบนกลับมาทำงานที่เกี่ยวข้องกับความผิดของตนเองเป็นเวลา 5 ปี แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเขาจะได้รับอนุญาตดังกล่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยคืนเงินที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกต่อรัฐบาลเกาหลีใต้แล้ว
อย่างไรก็ตาม การปล่อยตัวนายอี ได้สร้างกระแสทั้งเห็นด้วยและต่อต้านเป็นวงกว้าง แต่ถึงกระนั้นก็มีบางโพลสำรวจที่ระบุว่าสาธารณะให้การสนับสนุนในการปล่อยตัวเขาสูงถึง 70%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ที่มา: CNN , Reuters , TheGuardian