ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อต่าง ๆ กรณีผู้ซื้อรถยนต์แล้วไม่ได้รับบริการหลังการขายของบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เกี่ยวกับปัญหาในเรื่องการรออะไหล่รถยนต์ การจดทะเบียนรถยนต์จากป้ายแดงเป็นป้ายขาว รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งาน เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลารออุปกรณ์ นานหลายเดือน ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถใช้รถยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นั้น
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีขั้นตอนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาให้ กับผู้บริโภค ดังนี้
1. สคบ. ได้รับเรื่องร้องทุกข์กรณีดังกล่าวแล้ว และมีหนังสือเรียก บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด มาให้ถ้อยคำ และจัดส่งเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ซึ่งบริษัท เนต้าฯ ได้มีหนังสือ ชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ เช่น ปัจจุบันมีศูนย์บริการที่เปิดให้บริการจำนวนเท่าใด จำนวนรถยนต์ที่ได้จำหน่ายไปทั้งหมด แนวทางการแก้ไขปัญหาการจดทะเบียนล่าช้า แนวทางการพิจารณาชดเชยการขาดประโยชน์ในการใช้รถยนต์กรณีการแจ้งเคลมแต่ต้องใช้เวลานานในการรออะไหล่การชดเชยความเสียหายในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรถยนต์ แนวทางการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น ในอนาคต รวมทั้งชี้แจงประเด็นที่ปรากฏข่าวการยุติการผลิต การจำหน่ายในประเทศไทย
2. เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 สคบ. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัท อีวี ฟาสต์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่าย พบว่า มีการจดทะเบียนรถยนต์ไปแล้วประมาณ 5,000 คัน และกำลังดำเนินการจดทะเบียนอีกประมาณ 300 คัน โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 15 กรกฎาคม 2568
3. ในวันที่ 11 มิถุนายน 2568 สคบ. จะลงพื้นที่ตรวจสอบ ณ สถานที่ตั้ง บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีผู้บริโภคไม่ได้รับบริการหลังการขายเกี่ยวกับปัญหาในเรื่องการรออะไหล่รถยนต์
4. สคบ.จะดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานประกอบคำร้องทุกข์ หากเอกสารหลักฐานครบถ้วน สคบ. จะมีหนังสือให้คู่กรณีทุกฝ่ายไปพบพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม (ถ้ามี) โดยจะมีการเจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือในชั้นคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภค ซึ่งในการเจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นพนักงานเจ้าหน้าที่ หากคู่กรณีสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยจนหาข้อยุติได้ สคบ. จะดำเนินการทำบันทึกสัญญาประนีประนอมยอมความไว้เพื่อเป็นหลักฐานและยุติเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าว
5. กรณีเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวหากไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ สคบ. จะดำเนินการรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภค เพื่อพิจารณาให้ความเห็นก่อนเสนอคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณา ดำเนินคดีตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ สคบ. มุ่งมั่นที่จะยืนหยัดเคียงข้างผู้บริโภค พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ประกอบธุรกิจประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมภิบาล หากผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการใช้สินค้าและบริการ สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1166 ร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน OCPB Connect หรือ เว็บไซต์ www.ocpb.go.th