พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของกรรมาธิการศึกษา ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ โดยกล่าวย้ำความเห็นเดิมว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นการเตะถ่วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังเชื่อว่าตามข้อบังคับของรัฐสภาข้อที่ 41 ที่กำหนดว่าเป็นดุลพินิจของประธานสภา เห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น หาก 6 ญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญถูกตีตกไป ยังสามารถนำร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของไอลอว์เข้ามาพิจารณาได้ แม้ว่าจะมีการเตะถ่วงมาแล้ว 1 เดือนก็ยังมีความหวังที่จะนำกลับมาพูดคุยอีกครั้งในสมัยประชุมหน้า
ส่วนการชุมนุมของคณะราษฎร ในวันที่ 14 ต.ค. หัวหน้าพรรคก้าวไกลย้ำว่าเราจะต้องรู้สึก รู้ร้อนรู้หนาว ถึงความต้องการของประชาชน และปัญหาวิกฤตการเมือง หากรัฐบาลต้องการผ่อนอุณหภูมิทางการเมือง เห็นว่าอย่างน้อยควรมีการโหวต เพื่อให้ได้ข้อสรุปถึงทิศทางการแก้กฎหมายของประเทศว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะหากเตะถ่วงต่อไปจะไม่เป็นผลดีและเป็นการเพิ่มอุณหภูมิทางการเมือง ผลักปัญหาของประชาชนออกไปนอกสภา
พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องไปยังภาครัฐให้ดูแล คุ้มครองการชุมมุมของประชาชนให้เป็นไปตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ส่วนข้อกังวลกรณีเส้นทางขบวนเสด็จใกล้กับที่ชุมนุม เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถบริหารสถานการณ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ พร้อมยืนยันว่าจะไปร่วมชุมนุมในวันดังกล่าวด้วย
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยจากทวิตเตอร์ ว่า ประเทศไทยมีการใช้บัญชีปลอม และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพบก มากเป็นอันดับ 1 กว่า 900 รายชื่อ ตนมีความสงสัยถึงจุดยืนของกองทัพและรัฐบาล เพราะตอนที่ตนเป็นกรรมาธิการงบประมาณ ที่ได้เข้าฟังกองทัพบกชี้แจง ก็ระบุว่าไม่มีการใช้งบประมาณไปจัดทำในประเด็นดังกล่าว
แต่ในขณะเดียวกันกลับมีรายงานว่ามีการใช้บัญชีปลอม เพื่อสร้างความแตกแยกและความเกลียดชังในพื้นที่โซเชียลมีเดีย ซึ่งเห็นได้ชัดในเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง ซึ่งตนมองว่าควรที่จะเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก โดยคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด ก็คือ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.ของพรรค ที่ได้เป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้ และเป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกปฏิบัติการไอโอโจมตีมากที่สุด ตนอยากจะฝากไปถึงกองทัพ ให้มีการชี้แจงข้อสงสัยให้ของประชาหายเคลือบแคลงใจ