ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐอเมริกายืนยันว่าจะไม่ออกคำสั่งให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
คำยืนยันของปธน.สหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่ดร.แอนโทนี ฟอซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวว่า การสวมหน้ากากเป็นสิ่งสำคัญ และควรให้ทุกควรสวมหน้ากาก
ทั้งนี้ ยังเรียกร้องให้ผู้นำในระดับท้องถิ่นและในระดับรัฐออกมาตรการให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากในที่สาธาณะ
ปธน.ทรัมป์กล่าวด้วยว่า เขาไม่เห็นด้วยที่จะออกกฎหมายการสวมหน้ากากในระดับชาติ พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า การสวมหน้ากากควรเป็นเสรีภาพในการเลือกของประชาชน
ปัจจุบันหลายรัฐในสหรัฐฯ ต่างออกมาตรการให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากในที่สาธารณะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด โดยเริ่มต้นที่รัฐเท็กซัสที่ออกกฎให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากในที่สาธารณะ หากไม่ปฏิบัติตามจะต้องโทษปรับ 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7,500 บาท
ด้านรัฐจอร์เจียก็ออกกฎบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะเช่นกันโดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนส.ค.เป็นต้นไป
ขณะที่รัฐโอกลาโฮมาออกมาตรการให้ประชาชนสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในสถานที่ปิด หรือสถานที่ในร่มเช่นกัน
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ (17 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่มากกว่า 77,000 รายภายใน 24 ชม. ซึ่งถือเป็นสถิติที่มากที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดมา ทำให้ปัจจุบันสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อแล้ว 3,770,012 รายและมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อแล้ว 142,064 ราย
ที่มา BBC / NYtimes /Worldometers