ไม่พบผลการค้นหา
"พิชัย" ถาม "พล.อ.ประยุทธ์" จบอะไรมา? ถึงกล้าบอกว่าคนบอกเศรษฐกิจไม่ดีตกเลข เย้ยไม่แปลกใจที่ชาวเน็ตแห่ติดแฮชแท็ก #ใครลูกมึง ชี้คนคิดวางแผนก่อนปฏิวัติ 6 เดือนมีส่วนก่อความไม่สงบด้วยหรือไม่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สมาชิกกลุ่มก้าวหน้าเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล้าบอกว่าเศรษฐกิจปัจจุบันดี คนที่บอกว่าตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดี คนพวกนี้ตกเลข เลอะเทอะ บัญญัติไตรยางค์ผิด

"อยากถามสวนกลับว่า พลเอกประยุทธ์ จบอะไรมา ถึงกล้าพูดแบบนี้ เก่งเศรษฐกิจนักหรือ เหมือนที่เคยถามพิชัยไว้ในเวทีการประชุมนานาชาติ G77 เพราะขนาดพลเอกประยุทธ์เองยังไม่ทราบตัวเองเลยว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ จะไปทราบความเดือดร้อนของประชาชนทางเศรษฐกิจได้อย่างไร" นายพิชัย กล่าว

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หากจำกันได้พลเอกประยุทธ์ยังสอนให้ประชาชนผลิต รองเท้าแตะ แปลงสีฟัน ยาสีฟัน ส่งออกตีตลาดโลกอยู่เลย ซึ่งหากคิดได้เพียงเท่านี้ยังกล้ามาบอกว่า เศรษฐกิจปัจจุบันดี ก็อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ใช้เวลาอ่านหนังสือเศรษฐกิจมากๆ และ พยายามศึกษาดูตัวเลขส่งออกเดือนมกราคมปีนี้ ที่หักหัวลงติดลบร้อยละ 5.7 และตลอด 5 ปี ที่บริหารประเทศมา เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยเพียงปีละร้อยละ 3 เท่านั้น ซึ่งต่ำมาก และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีฐานเศรษฐกิจคล้ายกัน อีกทั้งการลงทุนหดหายไปมากจนแทบไม่เหลือ

ขณะที่พลเอกประยุทธ์ เคยยอมรับเอง แค่ตัวเลขพวกนี้ไม่ต้องให้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ก็สามารถบอกได้ว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน คงมีแต่พลเอกประยุทธ์ และ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เท่านั้นที่กล้าบอกว่าเศรษฐกิจดี ทั้งๆ ที่โพลสำรวจทุกสำนักและทุกครั้ง บอกว่ารัฐบาลสอบตกทางด้านการบริหารเศรษฐกิจ ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก

"ไม่แปลกใจว่าทำไมชาวเน็ตถึงได้แห่ติดแฮชแท็ก #ใครลูกมึง จนติดอันดับ เพราะคงน่าจะคิดกันว่า พ่อต้องฉลาดกว่านี้มาก ซึ่งหากประชาชนคนใดคิดว่าเศรษฐกิจดีให้เลือก พลเอกประยุทธ์ เพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป แต่ถ้าคิดว่าเศรษฐกิจไม่ดีและต้องการเปลี่ยนแปลงต้องเลือกฝั่งประชาธิปไตย เพราะหากเลือกพลเอกประยุทธ์ จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะคิดว่าเศรษฐกิจดีอยู่แล้ว" นายพิชัย กล่าว

ส่วนเรื่องความสงบที่พยายามถูกนำมาเป็นจุดขายนั้น อยากให้ประชาชนพิจารณาว่าคนที่ให้สัมภาษณ์และลงประวัติตนเองยอมรับว่าคิดและวางแผนทำปฏิวัติมา 6 เดือนล่วงหน้า จะมีส่วนรู้เห็นกับความไม่สงบด้วยหรือไม่ ก็น่าจะทราบคำตอบว่าใครอยู่เบื้องหลังของความไม่สงบนี้ หากปล่อยให้มีการนำความไม่สงบมาหาเสียงก็เท่ากับส่งเสริมให้มีการประท้วงและการปฏิวัติรัฐประหารอีกในอนาคต ซึ่งประเทศไทยได้เสียโอกาสอย่างมากในการพัฒนาประเทศเพราะถูกการปฏิวัติรัฐประหารนี้มาโดยตลอด และถึงเวลาที่จะต้องหยุดไม่ให้มีการปฏิวัติรัฐประหารกันอีกต่อไปแล้ว